• บ้านผัดไทยอร่อยระดับมิชลินไกด์

    เปรี้ยวปากพาไปเช็คอินร้านบ้านผัดไทยที่ฮอตที่สุดในตอนนี้ การันตีความอร่อย รางวัลบิบกูร์มองด์ จากมิชลินไกด์ 2018ต้องบอกเลยว่าผัดไทยที่นี้ เก๋ที่สุดอีกร้านที่เคยไปมาเพราะตกแต่งย้อนยุคเน้นสีฟ้าตัดกับงานไม้ที่สื่อถึงยุค80 และสดๆร้อนๆ กับรางวัลการันตีความอร่อย รางวัลบิบกูร์มองด์ จากมิชลินไกด์ 2018 ต้องขยายนิดนึงคือรางวัลนี้ทางมิชลินจะมอบให้ร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารคุณภาพดี คุ้มค่าคุ้มราคาที่ไม่เกิน 1,000 บาท ต่ออาหาร 3 คอร์ส ไม่รวมเครื่องดื่ม แม้แต่เชฟและร้านเองยังเซอร์ไพรส์เพราะไม่รู้ตัวมาก่อนว่าได้รับรางวัลจนมาเห็นชื่อร้านในไกด์บุค มาดูที่พระเอกของร้าน ผัดไทยปูม้า (280 บาท) เนื้อปูก้อนเน้นชิ้นโตผัดกับเส้นจันท์ ซึ่งความพิเศษจะใช้มันปูและไข่ปูผัดลงไป ส่วนตัวซอสผัดไทยก็จะประกอบด้วยน้ำมะขาม น้ำตาลปี๊ป และเครื่องปรุงอีกกว่า 18 อย่างผสมลงไปผัดไทยไก่ย่าง (190 บาท) ทางร้านอะแดปเป็นทางเลือกไม่จำเจ ซึ่งจะใช้ไก่ส่วนสะโพกนำไปหมักกับน้ำผึ้ง ย่างจนหอมเข้าเนื้อ ไก่ทอดสมุนไพร (190 บาท) งานออเดิร์ฟ เสิร์ฟมาในซุ้มไก่เล็กๆ เพื่อเป็นการสะท้อนถึงวิถีคนไทยในสมัยก่อน เมี่ยงคะน้า (150 บาท) ทางร้านจะใช้ใบคะน้าอ่อนออแกนิกส์ และเปลี่ยนจากใส่กุ้งแห้งมาเป็นไก่รวนซีอิ๊ว คนที่แพ้กุ้งทานได้ค่ะ และกรุบกรอบด้วยกากหมู

  • Cher_cheeva เฌอ-ชี-วา ขนมไทยโบราณในคาเฟ่ร่วมสมัย

    Cher_cheeva เฌอ-ชี-วา ขนมไทยโบราณในคาเฟ่ร่วมสมัย ร้านขนมไทยร่วมสมัยที่กำลังฮอตสุดๆในตอนนี้ แค่ก้าวเข้ามาในร้านก็ได้กลิ่นขนมไทยลอยอบอวน หลายอย่างไม่เคยเห็นมาก่อนด้วย ซึ่งคุณไอซ์เจ้าของร้านเล่าให้ฟังว่าเป็นสูตรที่ตกทอดมาจากรุ่นตายาย ทั้งคุณไอซ์แล้วก็เพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนรวมถึงคุณแม่เพื่อนก็มาช่วยกันลงมือทำขนมกันเองทุกอย่าง มีขนมไทยโบราณหาทานได้ยากหลายอย่าง ที่สะดุดตาคือการจัดจานและตกแต่งได้อย่างสวยงามบ่งบอกความเป็นไทยผ่านขนมไทยโบราณ  เริ่มที่ “Cher Set” รวมขนมไทย 10 อย่าง (ราคา 250 บาท) เช่น เสน่ห์จันทน์ จ่ามงกุฎ ทองเอก ขนมขี้หนู ลูกชุบ ตะโก้ ฝอยทอง และหยกมณี เป็นขนมไทยโบราณหาทานยาก ทำจากเม็ดสาคูผสมน้ำใบเตยปั้นเป็นก้อนคลุกกับมะพร้าวขูดมาต่อที่เมนูซิกเนเจอร์ “ขนมพระพาย” (ราคา 80 บาท) ที่ใช้น้ำลอยดอกมะลิมาผสมกับแป้ง น้ำใบเตย และน้ำอัญชัน นวดจนเนื้อแป้งเข้ากันดีใส่ไส้ถั่วกวนก่อนเสิร์ฟราดด้วยน้ำกะทิ เครื่องดื่มเย็นๆหน้าตาสวย เมนู “กรานิต้าอัญชันมะนาว” เกล็ดน้ำแข็งเย็นๆ รสอัญชันมะนาวดื่มแล้วสดชื่นเลยค่ะ อีกแก้วก็สดชื่นไม่แพ้กัน “บ๊วยโซดา” (ราคา 70 บาท ) ท็อปด้วยไอศกรีมบ๊วยที่ทางร้านทำเอง  ถ้าชอบหวานอมเปรี้ยวต้อง “ลิ้นจี่มะนาวโซดา” (ราคา 70 บาท) หอมไซรัปอัญชัน เมนูเขาเน้นสีสันถ่ายรูปสวยจริงๆ คนชอบแชะ แอนด์ แชร์ ห้ามพลาดร้านนี้ แนะนำให้โทรจองโต๊ะก่อนเพราะขนมค่อนข้างหมดเร็ว 

  • Mamarin ก๋วยเตี๋ยวต้มยำบ้านบึง Home Cooking เหมือนคุณแม่มาทำให้กิน

    Mamarin ก๋วยเตี๋ยวต้มยำบ้านบึง Home Cooking เหมือนคุณแม่มาทำให้กิน Mamarin ชื่อร้านที่มีที่มาเก๋ๆ ผสมกันระหว่างคำว่า ‘หม่าม้า’ และคำว่า ‘มารินทร์’ เป็นชื่อคุณแม่ของคุณเค้ก B5 เจ้าของร้าน บอกเล่าความอร่อยในแบบ Home Cooking จากมือและใจของแม่สู่ลูกค้า ขอเริ่มจากของทานเล่น “กุ้งแพทอดกรอบ” (85 บาท) ที่เสิร์ฟมาพร้อมน้ำจิ้มอาจาด ยังมีของทานเล่น เต้าหู้ทอด แผ่นเกี๊ยวทอด สั่งมาทานเพลินๆ “ก๋วยเตี๋ยวแห้งเย็นตาโฟ” (89 บาท) ซอสเข้มข้นมาก มาพร้อมน้ำซุปดั้งเดิมแบบแยกต่างหาก ที่สำคัญยังเพิ่มเครื่องเคียงอย่างหมึกสด เต้าหู้ทอดและกุ้งแพทอดกรอบให้ได้เคี้ยวกันแบบเพลินๆ ใครที่ชอบรสชาติจัดจ้านต้อง “ก๋วยเตี๋ยวต้มยำพริกสด” (เริ่มต้น 89 บาท) เพิ่มมะนาว พริกขี้หนูสด และถั่วลิสงคั่วใหม่สับหยาบๆ อร่อยครบรส เมนูคลาสสิกต้องยกให้ “ก๋วยเตี๋ยวน้ำดั้งเดิม” (เริ่มต้น 89 บาท) ความพิเศษจะอยู่ที่น้ำซุปบ้านบึงแบบดั้งเดิมที่เคี่ยวได้รสที่กลมกล่อม ยังมาพร้อมเครื่องเคียงหมูบะช่อผสมหมึกแห้ง กุ้งแห้ง หมูสไลด์ คาตั๊งหรือเนื้อหมูส่วนติดกระดูก ตับ เกี๊ยวแผ่นทอด และกระเทียมเจียวหอมๆ

  • ชมวิว 360 องศาที่ห้องอาหาร Saffron Sky Garden บันยันทรี กรุงเทพฯ

    ชมวิว 360 องศาที่ห้องอาหาร Saffron Sky Garden บันยันทรี กรุงเทพฯเดี๋ยวนี้ทานอาหารต้องมีบรรยากาศ เปรี้ยวปากเช็คอินพาไปกินลมชมวิวที่ห้องอาหาร Saffron Sky Garden ชั้น 52 โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพฯ เหมาะกับพาคนพิเศษมาดินเนอร์มื้อเย็นทานไปชมวิวเมืองกรุงยามเย็น อาหารไทยที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องการผสมผสานระหว่างอาหารไทยและเทคนิคของอาหารต่างชาติเข้าด้วยกันยังคงรสชาติอาหารไทยไว้ แต่ละจานก็สร้างสรรค์สวยงามจนต้องขอยกกล้องขึ้นมาถ่ายก่อนลงมือชิม เริ่มกันที่ "ของว่างรวม" (790 บาท)  สะเต๊ะไก่ กุ้งโสร่งทอด ยำส้มโอ ปอเปี๊ยะปลาฟูม้วนเป็นโรล ตัดด้วย "ซุปคาปูชิโน่ดอกโสนกับหอยเชลล์ย่าง"  เมนูนี้หน้าตาฝรั่งแต่รสชาติสไตล์ไทย เติมมะนาวนิดนึงเพิ่มความเปรี้ยวทำให้เมนูนี้ไม่หนักท้องเกินไป "ยำแซลมอน" (590 บาท) หอมใบแมงลักที่ใส่มาเติมกลิ่นเฉพาะตัว เสิร์ฟมาพร้อมดอกไม้ที่สามารถทานได้ จัดจ้านแบบน้ำยำถึงเครื่อง ส่วนเมนูนี้ก็เสิร์ฟแบบพอคำ "กุ้งย่างพริกสดเสิร์ฟคู่กับข้าวตัง"ถ้าชนะเลิศเรื่องความสวย ยกให้จานนี้ "ยำมะเขือยาวปู" เพิ่มคาเวียร์ ใส่แผ่นทองคำทานได้ เมนูใต้อย่าง "แกงกะทิปูใบชะพลูกับขนมจีนไข่ต้ม" (870 บาท) ถึงเครื่องหร่อยแรงๆแบบชาวใต้ ใครที่กำลังมองหาร้านดินเนอร์ บรรยกาศดี อาหารไทยอร่อย Saffron Sky Garden บันยันทรี กรุงเทพฯ มีครบจบที่เดียว

  • ดินเนอร์ชมพระอาทิตย์ตกสุดโรเเมนติกที่ Kata Rock Phuket

    ช่วงซัมเมอร์แบบนี้ ไปเที่ยวทะเลทั้งทีก็ต้องหาที่พักสวยๆ อาหารอร่อยๆ เหมาะกับการพักผ่อนในช่วงวันหยุด เปรี้ยวปากขอเเนะนำ "Kata Rock Phuket" รีสอร์ทริมหาดกะตะ ทุกห้องเป็น Pool Villa เห็นวิวทะเลภูเก็ตแบบพาโนราม่า สีขอบฟ้าตัดกับน้ำทะเล ในรีสอร์ทก็ยังมีห้องอาหาร Kata Rocks Restaurant สไตล์เมดิเตอร์เรเนียนกับหลากหลายเมนูอร่อย แต่ถ้าอยากจะดินเนอร์แบบ Exclusive ต้องที่ The Rock ลานหินติดริมทะเล ทานอาหารไปดูวิวพระอาทิตย์ตก เพียงวันละ 1 โต๊ะเท่านั้น!!! เหมาะควงเเฟนมาสวีทรือจะขอแฟนแต่งงานก็โรแมนติกเว่ออออ มาดูที่อาหารกันบ้างดีกว่า Thai Set Dinner เป็นเซ็ทที่ลูกค้าชาวต่างชาติชอบ เริ่มที่ Starter กับเมนู "กุ้งโสร่ง" จะใช้หมี่ซั่วภูเก็ตมาพันรอบตัวกุ้ง ทอดกรอบทานคู่กับซอสแมงโก้สวีท และก็มี "ไก่ห่อใบเตย"  เมนูยอดนิยม "ต้มยำกุ้งมะพร้าวอ่อน" เสิร์ฟมาในลูกมะพร้าว ใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนลงไปเพื่อให้ความหวานและรสสัมผัสหวานน้ำสต๊อกที่มาจากเปลือกกุ้ง เมนู "ฉู่ฉี่ปลาแซลมอน" ออเดอร์ปลาแซลมอนจากทัสมาเนีย เพราะไขมันจะน้อย ใส่ลำไย องุ่น มะเขือเทศเชอร์รี่ลงไป เพื่อให้รสกลมกล่อม "ปูมะนาว" ใช้ปูม้าจาภูเก็ต จานนี้รสก็จัดจ้านหน่อย แต่ที่เลิฟสุดๆต้องเป็น "เนื้อผัดใบกระเพรา" ใช้เนื้อวากิวจากออสเตรเลียผัดกับใบกระเพราหอมแต่คงรสจัดจ้านถึงเครื่องสไตล์ไทย มื้อนี้ ทั้งอิ่มท้อง เพลินตา กับวิวสุดโรแมนติกช่วงพระอาทิตย์ตก

  • เปรี้ยวปาก เช็คอิน ฉลองยิ่งใหญ่ 14 ปี ! จัดงาน ‘Preawpak Festival 2018’

    เปรี้ยวปาก เช็คอิน ฉลองยิ่งใหญ่ 14 ปี! จัดงาน ‘Preawpak Festival 2018’ ขนทัพร้านอร่อยตามรอยเปรี้ยวปาก มากกว่า 50 ร้านค้า อาทิ ร้านตะบันตำ ร้านติ่งเกาหลี ร้านฮิตติดเทรนด์ CHUB N’ CHEW รวมถึงร้านศิลปินดาราเพียบ นำทัพโดยสองพิธีกรคู่ซี้ จอย รินลณี และ เต๋อ ฉันทวิชช์ กิน ช็อป ชิลล์ และพบกับคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง อาทิ เอิ๊ต ภัทรวี อิ้งค์ วรันธร แหนม รณเดช! งานนี้มีรางวัลให้ลุ้นกันด้วยนะจ๊ะ ห้ามพลาด !! แล้วพบกัน วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม 2561 – วันอาทิตย์ ที่ 27 พฤษภาคม 2561 เวลา 11.00 – 22.00 น. ณ ลานเซ็นทรัลเวิลด์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ * ไม่ต้องไปหลายที่ก็ได้กิน เพราะเปรี้ยวปาก รวบรวมมาให้คุณไว้ที่นี่แล้ว 

  • ให้ทุกวันคือการพักผ่อน Vacation Bangkok

    "Vacation Bangkok" เกิดขึ้นด้วยคอนเซ็ปต์ที่อยากให้ทุกคนมองเรื่องการพักผ่อนเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้น และอยากให้ทุกวันที่มีกลายป็นวันหยุดของเราที่นี่จึงเป็นทั้งที่พัก มีพื้นที่ให้ได้นั่งทำงาน มีคาเฟ่ให้ทานของอร่อยๆและได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศดีๆ เพราะอยากให้ทุกคนที่มาที่นี่ได้รู้สึกว่าทุกวันของเขาจะเป็นวันหยุดพักผ่อนนั่นเองเริ่มเมนูแรกด้วยเมนูสุดฮิตของทางร้าน "Fresh Mint Americano" เพิ่มความแตกต่างและความสดชื่นให้กับคออเมริกาโน่ด้วยมินต์ ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น"Piccolo Rose" คล้ายๆลาเต้แต่นมน้อยกว่า และมีกลิ่นหอมของกุหลาบ โรยหน้าด้วยกุหลาบแห้งบด"Raspberry Fall""Caesar Salad" หรือซีซาร์สลัดที่ใส่มาในแป้งพาย รูปแบบการจัดจานครีเอทสุดๆ"Pork Ball Brioche" พอร์คบอล เนื้อหมูฉ่ำๆกับเชดด้าชีส ทานคู่กับขนมปังบริยอช

  • Farm to Table โกดังผักสลัด ณ บางกะเจ้า เก็บผักปุ๊บกินปั๊บ

    วันนี้เปรี้ยวปากขอพามาเก็บผักชิลๆกันที่ร้าน "โกดังผักสลัด" ของคุณเจก รัตนตั้งตระกูล โกดังผักสลัด เป็นทั้งฟาร์มไฮโดรโปนิกส์และร้านอาหารที่มีคอนเซ็ปต์ Farm to Table เก็บผักสวนผักปุ๊บนำมาปรุงแล้วทานปั๊บ รับรองความสดใหม่ แต่กว่าจะเป็นสวนผักสวยๆแบบนี้แต่ก่อนตรงส่วนของฟาร์มและร้านเป็นที่หลังบ้านของคุณเจกและพื้นที่ร่องสวน คุณเจกเลยลองปลูกผักตามร่องสวนดูและไปศึกษาการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ปรากฎว่าได้ผลดี ตอนแรกทางคุณเจกเองก็ทานกันเองภายในครอบครัวแล้วจึงขยายเป็นร้านโกดังผักสลัดในตอนแรกเองเปิดให้คนมาเก็บผักเท่านั้น แต่ทางลูกค้าได้สอบถามมาว่ามีอะไรให้ทานมั้ย ทางคุณเจกจึงเริ่มทำเป็นสลัดให้ลูกค้าทานและเริ่มมีแนวคิด Farm to Table"โกดังสลัด" เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน ทำจากผักสดทั้งหมดที่มี จัดเต็มในจานเดียว เด็ดสุดคือทานคู่กับ "น้ำสลัดซีฟู้ด" ที่ทางร้านทำเอง รับรองถูกปากคนไทยแน่นอน"ข้าวหน้าไก่ย่างพริกไทยดำน้ำจิ้มแจ่ว""ข้าวหน้าหมูย่างพริกไทยดำน้ำจิ้มแจ่ว"น้ำสุขภาพทางร้านก็มีทั้ง "น้ำฝรั่งสด""น้ำแคนตาลูป""น้ำแตงโมเม็ดแมงลัก"

  • Umeno Cafe คาเฟ่สำหรับคนรักเต้าหู้

    ใครที่ชอบทานอาหารญี่ปุ่นโดยเฉพาะเต้าหู้ต้องไปลองที่  "Umeno Cafe" คาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องเต้าหู้ถั่วเหลืองแถมยังมีประวัติจากญี่ปุ่นยาวนานกว่า 50 ปี แต่ตอนนี้มาเปิดสาขาที่เมืองไทยแล้ว มาเริ่มดูเมนูกันดีกว่า"D.I.Y. YUBA" (220 บาท) ชุดทำฟองเต้าหู้สด ที่ให้ทุกคนได้สนุกไปกับการทำฟองเต้าหู้เอง สามารถคีบทานได้ทีละชิ้นเลย ทานคู่กับซอสวาริโชยุ หอมกลิ่นเปลือกส้มยูสุ หรือจะใส่ขิง งาเพื่อเพิ่มความหอม"Soft Tofu pot with Mabo Sauce" เต้าหู้นุ่มเนื้อเนียนแทบจะละลายในปากที่ผ่านมามีแต่เมนูเบาทอง หากใครอยากหาอะไรที่หนักท้องขึ้นมาหน่อยขอแนะนำ "Spaghetti Tonyu Cream Sauce with Grilled Salmon lkura" โดยเมนูนี้ใช้ถั่วเหลืองแทนครีมซอส"Umeno Salad" สลัดเต้าหู้ทานคู่กับน้ำสลัดหอมงา

  • The Hass Bistro สาวกอะโวคาโดต้องร้องว้าว

    สายสุขภาพต้องห้ามพลาดกับร้าน "The Hass Bistro" ร้านสำหรับคนเลิฟอะโวคาโด อะโวคาโดถือเป็น Super Fruit ที่มีประโยชน์มากมายและมีไขมันดีช่วยลดคอเลสเตอรอลได้อีกด้วย ในร้านมีทั้งอะโวคาโดสดและหลากหลายเมนูที่ทำจากอะโวคาโด รับรองว่าอร่อย ไม่เลี่ยนและมีประโยชน์แน่นอนชื่อร้าน "The Hass Bistro" นั้นมาจากพันธุ์อะโวคาโดชื่อ Hass ที่ได้รับความนิยม มีรสชาติหวาน มันที่สุด เจ้าของร้านจึงนำมาตั้งเป็นชื่อร้านเก๋ๆนั่นเองร้านตั้งอยู่สุขุมวิท 49 แค่เข้ามาในร้านก็รู้สึกถึงบรรยากาศสบายๆ แต่อบอุ่น และยังมีโซนบาร์น้ำผลไม้อีกด้วย"Avoburger" เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน ใครมาที่ร้านต้องสั่งแน่นอน เป็นเมนูเบอร์เกอร์ที่ใช้เนื้ออะโวคาโดล้วนๆมาแทนขนมปัง"DIY Guacamole" ถ้ามาทานที่ร้านจะมีครกมาให้ เราสามารถผสมวัตถุดิบเข้าด้วยกันแล้วก็ทานได้ด้วยตัวเอง วัตถุดิบมีทั้ง อะโวคาโด หอม ผักชี และมะเขือเทศ ทานคู่กับชิป"Spicy Salmon Sald""Veggie Noodle with Pesto Sauce" เส้นทำมาจากแครอท และเส้นซูกินี ทานกับซอสเพสโต้"Tofu Steak with Chimichurri Avocado"ปิดท้ายด้วยเมนูขนมหวานที่ทำจากอะโวคาโด  "Avocado Cheese Cake with Avocado Sauce"

  • ย.ยักษ์กินผัก

    กินอิ่มนอนหลับ กินผักนอนสบาย แต่ถ้าไม่รู้จะกินอะไร แอดขอแนะนำร้านนี้เลยค่ะ “ย.ยักษ์กินผัก” ที่อร่อยขนาดว่ายักษ์ยังหันมากินผักเลยค่า มื้อนี้เปรี้ยวปากเลยขอจัดชุดใหญ่ ครบทั้งของคาวแล้วก็ของหวาน แต่ละจานเรียกว่าเด็ดๆ ของร้านทั้งนั้นผัดไทยเส้นบุก  :  อร่อยรสชาติเหมือนผัดไทยปรกติเลยค่ะ แต่แคลอรี่น้อยกว่า คือดีย์สลัดแซลมอนซาชิมิ : เมนูสลัดที่ผักดีมาก กรอบมาก คนชอบกินผักแบบแอดนี่เลิฟเลยค่ะBBQ Pork Rib Mango : เมนูนี้คือดีค่ะ แอดแนะนำให้ทานทุกอย่างพร้อมกัน ทั้งเนื้อ ผัก และมะม่วง เข้ากันมากปลาแห้งแตงโม : เมนูโบราณ ที่แอดอยากให้ลองทานค่ะ สดชื่นจริงๆเมี่ยงปลากะพง : อร่อยมากกก ผักเยอะ แถมน้ำจิ้มยังรสเด็ดอีกด้วย

  • Cafe La Rose คาเฟ่ดอกไม้ใจกลางเมือง

    "Cafe La Rose" คาเฟ่ดอกไม้แห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพ คาเฟ่กุหลาบที่ตกแต่งด้วยดอกไม้นับพันดอกเน้นโทนสีชมพูหวานๆ บรรยากาศดีแบบนี้สาวๆที่มาต้องถูกใจกันอย่างแน่นอน และไม่ใช่แค่ดอกไม้ยังมีเมนูชิคๆมากมาย ทั้งของคาว-ของหวานที่ล้วนมีแต่กุหลาบเป็นส่วนประกอบ Recommended Menu"Miang Kham Lotus" เมี่ยงคำดอกบัว ใช้ดอกบัวแทนใบเมี่ยงจะมีความขมน้อยกว่าจึงทานค่อนข้างง่าย "Enchanted Double Rose Waffle" วาฟเฟิลไข่สูตรฮ่องกง เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมกุหลาบ 2 ลูกและผลไม้ "Crab Fried Rice" ข้าวผัดปู"Bou-Loy Waffle" วาฟเฟิลฮ่องกงราดด้วยซอสน้ำตาลโตนดหอมๆ แล้วท็อปด้วยบัวลอยไซส์บิ๊กๆ สาวๆคนไหนอยากมาถ่ายภาพคู่ดอกไม้สวยๆและทานอาหารอร่อยๆ มากันได้ที่ร้าน "Cafe La Rose" ซอยพิบูลวัฒนา 10 ถนนพหลโยธิน หรือลง BTS อารีย์ ต่อวินมอเตอร์ไซค์มาที่ร้าน เปิดตั้งแต่เวลา 11:00-22:00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) โทร.09-9198-2571

  • 1d+Day Artist มาทำให้อารมณ์ดีที่วันดีดี

    ในหัวหินมีทั้งร้านอาหารและคาเฟ่มากมายแต่จุดเช็คอินอันดับต้นๆต้องยกให้ "1d+Day Artist" ร้านอาหารชิคๆริมทะเลที่มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก เรียกได้ว่าเดินวนถ่ายรูปกันได้แบบไม่มีเบื่อร้านตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ในสไตล์ชาวประมงที่มีเรือจริงปลดระวางให้ได้ไปถ่ายรูปเล่นกัน เมนูอาหารที่นี่จะเป็นฟิวชั่นเน้นเลือกซื้อวัตถุดิบจากชาวประมงในท้องถิ่น รสชาติเป็นเอกลักษณ์ด้วยฝีมือของลูกหลานคนท้องถิ่นเองRecommended Menu "ผัดทะเลใต้ (250 บาท)""คารามารี (150 บาท)""ทอดมันปูม้า (190 บาท)" "ประจวบเหมาะ (320 บาท)" แกงส้มปลาอินทรีย์ "ข้าวไข่ข้นต้มยำกุ้ง (235 บาท)""น้ำแตงโมปั่น (145 บาท)""น้ำสับปะรดปั่น (145 บาท)"ร้าน "1d+ Day Artist" อยู่ที่ ซอยหัวหิน 105 เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 10:00-22:00 น. หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 08-7656-9995

  • Freddie RiceCurry ข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นท็อปปิ้งสไตล์ไทย

    ร้านริมทาง จานด่วน เสิร์ฟเร็ว สไตล์เอเชีย ต้องมาลองชิมข้าวแกงกะหรี่สไตล์เฟรดดี้ที่ร้าน "Freddie RiceCurry" ร้านข้าวแกงกะหรี่ฟิวชั่นไทย-ญี่ปุ่นที่แปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร วิธีการโปรโมทร้านก็กวนได้ใจ จากจุดเริ่มต้นขายข้าวแกงกะหรี่สูตรไทยๆแบบเดลิเวอรี่จนเปิดหน้าร้านของตัวเองให้ลูกค้าได้เข้ามานั่งทานกันอย่างจริงจัง ลูกค้าประจำหลายคนรู้จักร้านนี้จากเพจเฟสบุ๊คเพราะภาพโปรไฟล์เพจร้าน Freddie RiceCurry ที่เป็นเหมือนมีมล้อเลียนกระแสต่างๆจนคนในโลกคนออนไลน์ให้ความสนใจ แกงกะหรี่ที่ร้านนี้จะไม่เลี่ยน ไม่มีครีม-เนยแล้วยังมีท็อปปิ้งไทยๆอย่างผัดเผ็ดเนื้อโคขุน ซี่โครงหมูชาชู และอื่นๆอีกมากมายหลายหน้า สามารถเลือกความเผ็ดได้ถึง 3 ระดับ"ข้าวเเกงกะหรี่โคขุน (175 บาท)""ข้าวเเกงกะหรี่หมูกรอบผัดพริกเกลือ (165 บาท)" "ข้าวเเกงกะหรี่คอหมูย่าง (155 บาท)""ข้าวแกงกะหรี่กะเพราเป็ดหนังกรอบ (165 บาท)" "ข้าวเเกงกะหรี่หมูชาชู (165 บาท)""ข้าวแกงกะหรี่หมูสับผัดไข่เค็ม (165 บาท)"ตามรอยความอร่อยกันได้ที่ร้าน Freddie RiceCurry เฟรดดี้ ข้าวแกงกะหรี่ ซอยลาดพร้าววังหิน 34 เปิดตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. (หยุดทุกวันพุธ) เบอร์โทร 09-7097-9523

  • จานเดียวซีฟู้ดตู้มๆ "อะเหน่" ตลาดน้อย

    ใครมาเดินชิลที่ตลาดน้อยต้องมาแวะเติมพลังกันที่ "ร้านอะเหน่" ร้านอาหารไทยสไตล์จีนมาพร้อมซีฟู้ดแน่นๆอย่างกุ้งและปู ปรุงรสใหม่จานต่อจานไม่ใส่ผงชูรส เน้นความเรียบง่ายและวัตถุดิบซีฟู้ดที่สดใหม่เท่านั้น!หลายคนคงจะสงสัยในชื่อร้าน "อะเหน่" คุณอ๊อนเจ้าของร้านจึงเล่าถึงที่มาว่า อะเหน่ มาจากภาษาจีนไหหลำ แปลว่า คุณยาย นั่นเอง เพราะคุณอ๊อนนั้นมีความตั้งใจอยากเปิดร้านนี้เพื่อเป็นของขวัญให้คุณยายอีกด้วย  ย่านตลาดน้อยล้วนเต็มไปด้วยห้องแถวที่สร้างติดกันมายาวนานกว่า 50 ปี ร้านอะเหน่จึงคงโครงสร้างเดิมเอาไว้ ทั้งประตูเหล็กแบบสมัยก่อน และผนังอิฐมอญ รวมไปถึงใช้โต๊ะและเก้าอี้แบบร้านน้ำชาจีน สร้างบรรยากาศให้กลมกลืนไปกับคนย่านนี้ได้เป็นอย่างดี"ข้าวผัดอะเหน่ (215 บาท)" ข้าวผัดกุ้งแม่น้ำเพิ่มความหอมมันด้วยการผัดมันกุ้งกับข้าว"ข้าวขยำไข่ปู (245 บาท)" ข้าวหอมมะลิขยำกับไข่ปูผสมมันปู ท็อปด้วยเนื้อก้ามปูพูนจานโรยด้วยพริกขี้หนูซอย เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด "โคตรปูหม่าล่าราดข้าว (255 บาท)" เนื้อปูผัดซอสหม่าล่า ให้เนื้อปูมาแบบล้นจาน "ข้าวผัดปูตู้ม (265 บาท)" ข้าวหอมมะลิผัดกับกระเทียมและเนื้อปู เวลาทานจะได้กลิ่นไหม้จากสไตล์การผัดแบบจีน "โคตรปูซอสไข่เค็มมันปูราดข้าว (265 บาท)" เนื้อก้ามปูคั่วกระเทียมราดซอสไข่แดงเค็มเน้นๆ "ร้านอะเหน่" ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ตรงข้ามซอยเจริญกรุง 20 เปิดตั้งแต่เวลา 10.30-20.30 น. ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 08-06277498

  • ห้องอาหารเชลียง อาหารไทยโบราณ ณ โรงแรมชินะปุระ จังหวัดพิษณุโลก

    ตามมาสัมผัสความอร่อยของอาหารไทยโบราณกันที่ "ห้องอาหารเชลียง โรงแรมชินะปุระ จังหวัดพิษณุโลก" กับหลากหลายอาหารโบราณด้วยฝีมือเชฟที่มีความถนัดในด้านอาหารไทยเป็นพิเศษ ทั้งรสชาติและการตกแต่งจานสวยงามจับตามากๆ "โรงแรมชินะปุระ หรือ Shinnabhura Historic Boutique Hotel"  โรงแรมเชิงท่องเที่ยวแนวประวัติศาสตร์ตั้งอยู่ใจกลางเมืองพิษณุโลกที่เต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์มากมาย ที่มาของชื่อโรงแรม "ชินะปุระ" มาจากคำว่า "ชิน" หมายถึง "พระพุทธเจ้า" หรือ "ผู้ชนะ" อีกนัยหนึ่งยังพ้องกับชื่อพระพุทธรูปสำคัญของเมืองพิษณุโลกนั่นคือ "ชินราช" ซึ่งหมายถึง "ราชาผู้ชนะกิลเลส" อีกด้วย ส่วนคำว่า "ปุระ" หมายถึง "เมือง" ดังนั้น ชินะปุระ จึงหมายถึง เมืองแห่งผู้ชนะ หรือ เมืองแห่งชินราช นั่นเอง"ห้องอาหารเชลียง" เปิดให้บริการทั้งอาหารเช้า กลางวัน และมื้อค่ำ อาหารแต่ละเมนูล้วนถูกคัดสรรมาแล้วจากเชฟที่มีความถนัดในด้านอาหารไทยเป็นพิเศษรอบเช้าเปิดตั้งแต่เวลา 6.30-10.30 น.รอบกลางวันเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-17.00 น.รอบเย็นเปิดตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น."เมี่ยงคำกลีบบัวหลวง""ยำส้มโอกุ้งแม่น้ำสองแคว""ยำมังคุดมหาเทวี""กรกฎสองทัพ""หัวปลีทอดกรอบกุ้งสดน้ำยำทรงเครื่อง""โรงแรมชินะปุระ พิษณุโลก" ตั้งอยู่บน ถ.สีหราชเดโชชัย อ.เมืองพิษณุโลก สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-5521-9888

  • บ้านเบญจมาศ ตำรับความอร่อย อาหารไทยชาววัง

    เปรี้ยวปากขอพาทุกคนมาลิ้มรสตำรับอาหารไทยชาววังในบรรยากาศแห่งยุคสยามกันที่ร้าน "บ้านเบญจมาศ" ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวิถีชีวิตคนไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 เมนูต่างๆก็สวยงามประณีตสุดๆและแต่ละเมนูผ่านการคัดสรรมาจากฝีมือเชฟรางวัลการันตีการแข่งขันโอลิมปิก "ร้านบ้านเบญจมาศ" ตัวร้านโดดเด่นด้วยอาคารสไตล์โคโลเนียลสีครีมนวลตา ตัดกับซุ้มประตูโค้งด้านหน้าตึกซึ่งเก๋ไก๋โดดเด่นมากเข้ามาภายในร้านก็มีพนักงานของร้านที่แต่งชุดไทยประยุกต์ นุ่งโจงกระเบนคอยต้อนรับพร้อมส่งรอยยิ้ม ส่วนเมนูก็สวยงามประณีตเหมาะมานั่งฟังเพลงเคล้าไปกับการทานอาหารที่แสนละเมียดละไม"ข้าวปรุงน้ำพริกเจ้าจอม (350 บาท)" เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน ข้าวคลุกน้ำพริกลงเรือเสิร์ฟคู่กับแซลมอน ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสูตรน้ำพริกลงเรือของเจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ในรัชกาลที่ 5"ส้มฉุนกรุ่นกลิ่นส้มซ่า (140 บาท)" เมนูของหวานหาทานยากเสิร์ฟมาในโถแก้วอย่างสวยงาม เป็นผลไม้ลอยแก้วที่ทำจากผลไม้ไทยตามฤดูกาล แล้วนำมาปรุงด้วยน้ำเชื่อมกลิ่นผิวส้มซ่าทานคู่กับน้ำแข็งทุบละเอียด หวานเย็นชื่นใจ"ข้าวมันไก่ฝรั่งเศส (320 บาท)" เป็นเมนูที่ผสมผสานกันระหว่างวัฒนธรรมตะวันออกและวัฒนธรรมตะวันตก"แกงพะแนงเป็ดรมควันใส่ผลไม้ (390 บาท)" แกงพะแนงปรุงจากพริกแกงสดใหม่ทุกวัน ใส่เนื้ออกเป็ดรมควันเนื้อแน่นและผลไม้ไทยอย่างลิ้นจี่"พุดดิ้งกล้วยโอชารส (180 บาท)" พุดดิ้งสไตล์ไทยที่ทำจากกล้วย ทานคู่กับซอสน้ำดอกกุหลาบรสเปรี้ยวอมหวาน เนื้อพุดดิ้งนุ่มละลายในปากตามมาชิมและชมความงามของตำรับอาหารไทยชาววังได้ที่ "ร้านบ้านเบญจมาศ" ตั้งอยู่ใน ซ.อารีย์ 1 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 10.30-22.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-2279-8055

  • Paco Bangkok เติมความสดชื่นด้วยสมูทตี้โฮมเมด

    ร้านอาหารเฮลตี้สุดอินเทรนด์บนโลกโซเชียลในตอนนี้ "Paco Bangkok" ร้านที่เหมาะกับสาวๆเฮลตี้ที่ชอบทาน Smoothie Bowl จากผลไม้นานาชนิดที่สำคัญทุกเมนูยังเป็น Gluten Free และมีการคำนวณแคลอรี่ไว้อย่างเหมาะสม รับรองว่าตอบโจทย์เทรนด์คนยุคใหม่แน่นอน"Pago Bangkok" เกิดจากคอนเซปต์ของร้านที่อยากให้อาหารแนวสุขภาพตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่และเทรนด์ในปัจจุบันจึงมีการเล่นสีสันและความสนุกสนานลงบนตัวสมูทตี้โบวล์ชวนให้ถ่ายรูปมายิ่งขึ้น สีสันสดใสต่างๆที่ทางร้านใช้นั้นปราศจากการแต่งสีสังเคราะห์และทุกเมนูไม่มีการใส่น้ำตาลเพิ่ม ความหวานที่ได้เกิดจากความหวานตามธรรมชาติของผลไม้แต่ละชนิด รอบๆร้านเป็นกระจกใสมองเห็นถึงข้างในร้านและมีกระเบื้องยกสูงที่มีฟอนด์แปดบิต ตัวร้านมีขนาดเล็กแต่มีการเล่นสีสันสดใสชวนดึงดูดให้คนเข้าไปแวะชมว่าภายในร้านขายอะไรบ้างเมนูมีให้เลือกหลากหลายที่สำคัญสีสันสดใสทุกเมนูไม่ว่าจะเมนูไหนรับรองว่าถ่ายรูปสวยแน่นอน ทั้งสวยและยังมีประโยชน์แบบนี้ห้ามพลาดกันแล้วละ"Moonshine (320 บาท)" สมูทตี้สีเหลืองสดใสจากการสกัดน้ำมันแครอท และส่วนผสมของผลไม้หลากชนิดอย่างกล้วย, สับปะรด และมะม่วง ท็อปด้วยกล้วยหอม, เนยถั่ว, สตรอเบอร์รี่, บลูเบอร์รี่, ส้ม, กราโนลา และธัญพืชต่างๆ"Black Magic (290 บาท)" สมูทตี้สีดำที่มีส่วนผสมจากชาร์โคล ปั่นรวมกับผลไม้อย่างแบล็กเบอร์รี่, บลูเบอร์รี่, กล้วย และสับปะรด ชามนี้โดดเด่นด้วยเนื้อสมูทตี้สีดำและลายเส้นที่ทำให้เหมือนกาแล็กซี่ด้วยโยเกิร์ต เสิร์ฟมาพร้อมกับบลูเบอร์รี่, สตรอเบอร์รี่ กราโนลา และงาขาว"Acai (390 บาท)" เมนูไฮไลท์อย่างสมูทตี้อาซาอิ ผลไม้มหัศจรรย์จากป่าอเมซอนที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย เสิร์ฟมาพร้อมกับผลไม้ตระกูลเบอร์รี่, กล้วยหอม, ลูกฟิกซ์, ส้ม, เมล็ดเจีย และธัญพืชต่างๆมาเติมความสดชื่นด้วยสมูทตี้อร่อยๆกันได้ที่ร้าน "Paco Bangkok" ตั้งอยู่บริเวณหน้าโรงแรม The Euro Grande Hotel สุขุมวิท 31 (สามารถจอดรถได้ภายในโรงแรม) ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.06-1919-9265

  • Veggie Chef อาหารฟิวชั่นเจรสชาติจัดจ้านไม่เหมือนใคร

    เข้าสู่ช่วงเทศกาลกินเจทั้งทีเปรี้ยวปากขอพาทุกคนมากันที่ร้าน "Veggie Chef" ร้านอาหารเจฟิวชั่นที่โดดเด่นเรื่องรสชาติที่จัดจ้านและหลากหลายเมนูให้เลือกสรรที่สำคัญร้านนี้เปิดขายเจตลอดทั้งปีอีกด้วย! งานนี้อิ่มบุญอิ่มท้องกันได้ตลอดท้งปีเลยทีเดียว หน้าตาอาหารแต่ละเมนูแทบดูเหมือนอาหารปกติทุกอย่างถ้าไม่บอกคงไม่รู้เลยว่าทั้งหมดคืออาหารเจ โดยที่ร้านจะเน้นใช้วัตถุดิบที่เป็นเห็ด, ผัก, เต้าหู้ รสชาติอาหารก็เข้มข้นถึงเครื่องแบบสุดๆ"น้ำตกหมู (129 บาท)""ปอเปี๊ยะฮ่องเต้ (129 บาท)" เดิมปอเปี๊ยะธรรมดาจะใช้แป้งในการห่อแต่เมนูนี้ใช้สาหร่ายห่อแทน ไส้ข้างในเป็นผัก เห็ด และเต้าหู้"ข้าวผัดคะน้าปลาเค็ม (99 บาท)" เนื้อปลาเค็มทำจากถั่วเหลืองที่ไม่ได้เค็มจัดมา แล้วนำไปผัดกับกระทะจนมีกลิ่นหอมของกระทะ"ข้าวซอยไก่ (139 บาท)" "แกงคั่วหอยขม (149 บาท)" ใช้เห็ดออรินจิแทนเนื้อหอย รสชาติเข้มข้นถึงเครื่อง"ร้าน Veggie Chef" ตั้งอยู่บนถนนวัชรพล ตรงข้ามเสถียรธรรมสถาน ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-21.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร.09-5159-8895

  • B-Story Garden คาเฟ่วินเทจสไตล์ยุโรป

    "B-Story Garden" คาเฟ่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยการตกแต่งในสไตล์ยุโรปสุดคลาสสิกเต็มไปด้วยผลงานศิลปะ ของสะสม และของวินเทจมากมายจนเหมือนวังเล็กๆที่ผ่านการคัดสรรและใส่ใจในทุกรายละเอียดเป็นอย่างดี เรียกได้ว่า มุมถ่ายรูปสวยๆเพียบอย่างกับอยู่ต่างประเทศร้าน "B-Story Garden" เป็นอาคารสวยๆสไตล์ยุโรปที่แฝงไปด้วยความหรูหรา บริเวณร้านกว้างขวางมีความโปร่งโล่งด้วยเพดานทรงสูงนอกจากนี้ที่ร้านยังมีบริการทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และขนมคิ้วท์ๆมากมายให้เลือกทานกันอย่างจุใจ เติมความสดชื่นด้วยเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของทางร้านอย่าง "B-Forest ชาพีช (145 บาท)" ชาพีชมิกซ์เบอร์รี่ท็อปด้วยฟองนมรูปหมีน่ารักๆ"The Ocean (390 บาท)" แซลมอนสดจากนอร์เวย์ในซอสมะเขือเทศรสกลมกล่อม เสิร์ฟมาในกระทะร้อนใครที่ชอบอาหารไทยต้องมาลองเมนู "ฉู่ฉี่ปลาแซลมอน (350 บาท)" รสชาติจัดจ้านของฉู่ฉี่เข้ากันได้ดีกับความหวานของเนื้อปลาแซลมอนสดใหม่"เค้กมะพร้าวโฮมเมด (125 บาท)"มาทานอาหารอร่อยๆพร้อมแชะภาพสวยๆกลับไปกันได้ที่ร้าน "B-Story Garden Cafe & Restaurants" ซอยประดิษฐ์มนูธรรม 23 ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-23.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-3751-1137

  • SLO Cafe คาเฟ่สำหรับคอกาแฟชิคๆย่านเอกมัย

    ในวันหยุดสบายๆหาร้านมานั่งชิลจิบกาแฟกันที่ "SLO Cafe" คาเฟ่ชิคๆสำหรับคอกาแฟที่มีกาแฟหลายสัญชาติให้เลือก ทั้งเอธิโอเปีย บราซิล โคลัมเบีย หรือแม้แต่ของไทยอย่างกาแฟจากเชียงราย ที่สำคัญร้านนี้สกัดกาแฟเองอีกด้วย คอกาแฟจะต้องมาลองกาแฟสกัดเย็นอย่าง "Cold Brew" ที่ดื่มแล้วรับรองสดชื่น นอกจาก "SLO Cafe" จะเป็นคาเฟ่ชิคๆแล้วก็ยังมีกิจกรรมให้ทำมากมายอีกด้วย เช่น Workshop ร้องเพลง และ คลาสสอนดนตรี เป็นต้น"Spaghetti Alfredo Onsen (250 บาท)" สปาเกตตี้อัลเฟรโดราดครีมซอสท็อปด้วยไข่แดง "SLO Hot Wing (140 บาท)" ปีกไก่ทอดสไตล์เกาหลี "ข้าวแกงกะหรี่หมูไข่ข้น (240 บาท)""Matcha Cube (165 บาท)" เมนูซิกเนเจอร์ของร้านที่ขอเอาใจสายมัทฉะ "Cafe De Citron (160 บาท)" กาแฟเสิร์ฟกับมะนาวและน้ำผึ้ง เวลาทานให้แตะมะนาวที่ลิ้นนิดนึงแล้วจิบกาแฟตามเพื่อกระตุ้นต่อมรับรสของลิ้น "Premium Tower Fluffy Pancake (270 บาท)" เมนูขนมหวานที่ขายดีที่สุดของร้านด้วยความเด้งดึ๋งของตัวแพนเค้ก"Matcha Premium Pancake (360 บาท)" แพนเค้กชาเขียวเด้งดึ๋ง ไส้ด้านในเป็นถั่วแดงเสิร์ฟมาพร้อมไอศกรีมวานิลลาร้าน "SLO CAFE" อยู่ในซอยเอกมัย 12 ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 09.30-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2381-5291

  • ปีหนึ่ง คาเฟ่ ศาลายา (PEE NEUNG Coffee House Salaya)

    ใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวใกล้กรุงเทพในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ นครปฐม ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกน่าสนใจเลยทีเดียว วันนี้เปรี้ยวปากจึงขอแนะนำคาเฟ่เปิดใหม่อย่าง "PEE NEUNG Coffee House Salaya" หรือที่หลายๆคนเรียกกันว่า "สถานีปีหนึ่ง" คาเฟ่ชิคๆริมทางรถไฟในศาลายาที่ฮอตฮิตมากในโซเชียล และไฮไลท์ของที่ร้านต้องยกให้กับน้องกวางที่จะปล่อยออกมาโชว์ตัวเพียงวันละ 2 รอบ คือ 11.00 น. และ 16.00 น. เท่านั้นตัวร้านเป็นเรือนกระจกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สไตล์มินิมอล ส่วนด้านหลังติดริมทางรถไฟที่จะมีรถไฟวิ่งผ่านเป็นระยะๆให้ได้เก็บภาพสวยๆคู่กับน้องกวางอีกด้วย นอกจากนี้ร้านยังตั้งอยู่ใกล้กับบริเวณมหาลัยจึงจัด Co-Working Space ให้เหล่านักศึกษาได้มาอ่านหนังสือกันโดยแบ่งได้ออกเป็น 3 โซน คือ โซน Open-Air, โซน Air และโซนสวน ร้านนี้นอกจากมุมถ่ายรูปสวยๆจะเยอะแล้วรสชาติอาหารก็อร่อยไม่แพ้กัน"พิซซ่าหน้าฮาวายเอี้ยนฮาร์ฟแซลมอนรมควัน (350 บาท)" เมนูไฮไลท์ของทางร้านที่ไม่ว่าโต๊ะไหนมาก็ต้องสั่งมาทาน"แซลมอนผัดพริกขี้หนูสวน (220 บาท)" "ตอติญ่าผักโขมอบชีส (300 บาท)""สปาเกตตีเส้นดำขี้เมาซีฟู้ด (180 บาท)" "Hangar Signature (85 บาท)" "Pee Nueng Signature (85 บาท)""PEE NEUNG Coffee House Salaya" ตั้งอยู่ที่ อ.ศาลายา จ.นครปฐม ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร.09-4682-1333

  • Peculiar Café

    Peculiar Café (พิคิวเลียร์ แกลเลอรี แอนด์ คาเฟ่) คาเฟ่เล็กๆ ในบ้านย่านวัชรพลที่มาพร้อมคอนเซปต์ Hidden home cafe ลึกลับ และแปลกตามชื่อร้าน แต่ลงตัวด้วยบรรดาของตกแต่งสะสมของเจ้าของร้าน ใครมาก็เหมือนมาเยือนพิพิธภัณฑ์ส่วนตัว สัตว์สตัฟฟ์สวยๆ เฟอร์นิเจอร์เก๋ๆ มุมถ่ายรูปและพร็อบให้ยืมแน่นมาก และนอกจากเจ้าของร้านที่น่ารักใจดีเป็นกันเองแล้ว ยังมีเจ้าบ้านอีกสองตัว ได้แก่ เจ้าMaggieแม็กกี้ และ เจ้า Balmain น้องหมาน้องแมวสุดน่ารักคอยต้อนรับอีกด้วยเมนูแนะนำ- Peculiar Jade (135 บาท) ความลงตัวของเครื่องดื่มชาเขียว กาแฟ นมและลอดช่องวัดเจษฯ อร่อยนัวมาก - Peculiar Jardin (130 บาท) เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำส้มยูซุ น้ำผึ้ง เลมอนเข้ากันกับผลเบอร์รีที่โรยท็อปปิ้ง แก้วนี้สาวๆ ต้องชอบ - Choco Mint (115 บาท) ช็อกโกแลตปั่นในแก้วมิ้นต์กลิ่นหอมเย็นๆ หวานสดชื่น - Basque Burnt Cheesecake (180 บาท) ชีสเค้กสเปน หวานเข้มข้น เนื้อแน่น - Homemade Brownie (75 บาท) ช็อกโกแลตเข้มข้น เนื้อบราวนี่นุ่ม  💚FYI : เนื่องจากร้านมีขนาดไม่ใหญ่มาก เป็นบ้านส่วนตัวและอยู่ในหมู่บ้าน ก่อนไปแนะนำให้โทรสอบถามจำนวนที่นั่งก่อน ส่วนเมนูขนมของร้านจะเปลี่ยนไปตามซีซั่นนะจ๊ะ

  • OHACHI ข้าวหน้าหมูย่างไซส์ยักษ์ย่านอารีย์

    วันนี้ขอพาเหล่าสายกินแหลกมาวัดกระเพาะกันที่ "OHACHI" กับเมนูดังข้าวหน้าหมูย่างสไตล์ญี่ปุ่นไซส์ยักษ์ หมูย่างเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำซอสหอมๆ หวานๆ เค็มๆ ที่มีให้เลือกถึง 4 ไซส์ไซส์อนุบาล (128 บาท) / 300 กรัม ไซส์มาตรฐาน (168 บาท) / 500 กรัม ไซส์มาสเตอร์ (238 บาท) / 800 กรัมไซส์ด็อกเตอร์ (388 บาท) / 1,300 กรัมใครอยากมาลองหมูย่างสไตล์ญี่ปุ่นชามยักษ์มากันได้ที่ร้าน "OHACHI" โครงการสนั่นนภา ติด BTS อารีย์ รอบเช้าเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-14.00 น. และรอบเย็นเปิดตั้งแต่เวลา 16.00-20.00 น. (หยุดทุกวันอาทิตย์)สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 09-2538-9449

  • สวนมะนาวโห่ลุงศิริ

    มาถึงสมุทรสงครามทั้งทีเปรี้ยวปากขอมาเดินชมสวนเพลินๆกันที่ "สวนมะนาวโห่ลุงศิริ" สวนท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่มีต้นมะม่วงหาวมะนาวโห่ให้ชิมกันแบบสดๆจากต้นจากผลไม้ในวรรณคดี "มะม่วงหาวมะนาวโห่" สู่ผลไม้ที่ช่วยชีวิต "ลุงศิริ เจริญช่าง" คุณพ่อของ "คุณทสน์ เจริญช่าง" ลูกชายคนเล็กของครอบครัว คุณทสน์เล่าให้ฟังว่า ลุงศิริ เคยป่วยหนักเป็นโรคถุงลมโป่งพองจากการสูบบุหรี่ กลับมีอาการดีขึ้นเมื่อได้ทานมะม่วงหาวมะนาวโห่ ครอบครัวจึงตัดสินใจนำผลไม้ชนิดนี้มาปลูกเป็นสวนจึงเกิดเป็น "สวนมะหาวโห่ลุงศิริ" "สวนมะนาวโห่ลุงศิริ" กลายเป็นธุรกิจครบวงจรที่ทั้งปลูก แปรรูปมะนาวโห่เป็นสินค้าหลากหลายชนิด ไปจนถึงศูนย์การเรียนรู้ คาเฟ่ และแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของอัมพวาเที่ยวรอบๆสวนจนเหนื่อยแล้วมาแวะพักกันที่ "สิริสมปองคาเฟ่" คาเฟ่ธีมมะนาวโห่แห่งแรกในไทยที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง บรรยากาศร่มรื่นเหมาะแก่การมานั่งพักผ่อน เดินชมร้านกันจนอิ่มหนำแล้วมาลิ้มลองเมนูเด็ดๆจากมะม่วงหาวมะนาวโห่กัน"เครปเค้กแยมมะนาวโห่ (75 บาท)""เอสเปรสโซ มะนาวโห่ (70 บาท)""Summer Set (120 บาท)" เสิร์ฟมาทั้งเยลลี่มะนาวโห่, ไอศกรีมมะนาวโห่ และมะนาวโห่ลอยแก้ว"Waffle Set (120 บาท)" วาฟเฟิลเสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีมที่ทำจากมะนาวโห่มาเที่ยวชมสวนและลิ้มลองความอร่อยของมะม่วงหาวมะนาวโห่ได้ที่ "สวนมะนาวโห่ลุงศิริ" ต.บางนกแขวก อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-0566-5124

  • สามย่านมิตรทาวน์ กับโซน 24 ชั่วโมง แหล่งรวมของสุดชิคใจกลางกรุง

    "สามย่านมิตรทาวน์" แลนด์มาร์คแห่งใหม่สุดจัดจ้านในสามย่าน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่างครบครันกับ "โซน 24 ชั่วโมง" ที่รวบรวมร้านอร่อยๆ และ Co-working Space มาไว้ในที่เดียว แถมยังเดินทางสะดวกมีรถไฟฟ้า MRT เชื่อมต่อมาถึงด้านในเลยที่ "สามย่านมิตรทาวน์" เดินทางสะดวกสบาายมีทั้งรถโดยารประจำทาง, รถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้า MRT โดยลงที่สถานีสามย่าน จะมีมุมฮิต ถ่ายรูปเก๋ๆ ที่ทุกคนที่มาต้องแวะมาถ่ายรูปอย่าง "อุโมงค์อวกาศ" ทางเดินกว่า 100 เมตร ที่เป็นอุโมงค์ปูนเปลือยช่วงกลางทางเดินช่วงหนึ่งจะเป็นพื้นกระจกให้มองเห็นด้านล่างได้ ซึ่งอุโมงค์นี้จะเชื่อมจากสถานีสามย่านมายังสามย่านมิตรทาวน์เลยภายในศูนย์การค้ามีทั้งหมด 5 ชั้น และชั้นใต้ดินอีกหนึ่งชั้น และโซนไฮไลท์สำหรับที่นี่เลยคือ "โซน 24 ชั่วโมง" แหล่งรวมทั้งร้านอาหารอย่าง เคเอฟซี, ชาบูชิ, สตาร์บัคส์, คาเฟ่ อเมซอน, สเวนเซ่นส์ และอื่นๆ อีกมากมายอีกหนึ่งความน่าสนใจของที่นี่คือ "SAMYAN CO-OP" Co-Learning Space เปิดให้บริการฟรี 24 ชั่วโมง ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ ชั้น 2 ถึง ชั้น 3 ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้งร้านกาแฟ ห้องน้ำ ห้องทำงานส่วนตัว แถมยังมีปลั๊กไฟและ Wi-Fi อีกด้วย หากใครสนใจเพียงแค่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันก็สามารถเข้าไปใช้บริการได้"MEDIUM and More" แหล่งรวมอุปกรณ์ศิลปะ งานประดิษฐ์ และงานฝีมือแบบที่ไม่เหมือนใคร แล้วยังมีกิจกรรมเวิร์กช็อปงานคราฟต์โดยผู้เชี่ยวชาญมากมายอีกด้วย"สามย่านมิตรทาวน์" ตั้งอยู่ที่หัวมุมถนนพญาไท-พระราม 4 เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 - 22.00 น.โซน 24 ชั่วโมง เปิดบริการทุกวัน เวลา 00.00 - 23.59 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2764-6241

  • อิ่ม อร่อย กับกั้งเน้นๆที่ "ผัดไทยกั้ง ราชพฤกษ์"

    "ร้านผัดไทยกั้ง" ย่านราชพฤกษ์เกิดจากความชื่นชอบทานกั้งของเจ้าของร้านจึงมาเปิดเป็นร้านที่มีแต่เมนูกั้งนั่นเอง! และด้วยความชื่นชอบทานกั้งที่สดใหม่ของเจ้าของร้านดังนั้นวัตถุดิบหลักอย่างกั้งจึงถูกส่งตรงมาจากทะเลสุราษฎร์ธานี รับประกันความสดใหม่แน่นอน"ผัดไทยกั้ง (เริ่มต้น 89 บาท)" เมนูไฮไลท์ของร้าน เคล็ดลับอยู่ที่น้ำผัดไทยสูตรของคุณแม่ที่ผัดให้รสชาติเข้าถึงเส้น เวลาทานจะหอมกลิ่นกระทะ"ก๋วยเตี๋ยวแกงส้มหม้อไฟทรงเครื่อง (199 บาท)" ในหม้อแน่นไปด้วยหลากหลายซีฟู้ด ทั้งหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์, ปลาหมึก, กุ้ง และกั้งตัวโตๆ ท็อปด้วยไข่ชะอม ด้านล่างเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวนุ่มๆ ทำจากข้าวหอมมะลิเข้ากันได้ดีกับน้ำแกงส้ม"ขนมจีนน้ำยากั้ง (109 บาท)" กั้งมาทั้งตัวและตัวน้ำยายังทำมาจากกั้งอีกด้วย"กั้งผัดพริกเกลือ (เริ่มต้น 199 บาท)" เมนูนี้ชูรสด้วยขมิ้นและเม็ดพริกไทย ถึงเครื่องมากๆอิ่มอร่อยไปกับกั้งแบบเน้นๆ ได้ที่ "ร้านผัดไทยกั้ง" อยู่บนถนนราชพฤกษ์ ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 12.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-9221-9666

  • Casa Sapparod ร้านใหม่เอาใจคนรักสับปะรด

    แค่เดินเข้ามาในร้าน "Casa Sapparod" ในซอยเจริญกรุง 44 ก็ได้กลิ่นอายของสับปะรดแทบยกสวน! กับการตกแต่งร้านแบบเก๋ๆ ที่เน้นหนักไปทางสับปะรด และไม่ใช่แค่การตกแต่งแต่รวมไปถึงส่วนผสมของเมนูภายในร้านที่มีสับปะรดเป็นส่วนผสมหลักมาประยุกต์กับเมนูต่างๆ อีกต่างหาก ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน เครื่องดื่มเมนูก็เน้นสับปะรดทั้งนั้น เรียกได้ว่าเอาใจคนรักสับปะรดโดยเฉพาะเลยทีเดียว"Casa Sapparod" ใช้สับปะรดเป็นวัตถุดิบหลักในการทำอาหารแต่ละเมนู และสับปะรดของที่นี่ล้วนถูกคัดสรรมาจากฟาร์มออร์แกนิคทั้งนั้น รับรองว่าไม่มีสารพิษ ภาชนะที่ทางร้านใส่มาก็เป็นภาชนะที่สามารถนำมาใช้ซ้ำได้ อย่างเซรามิก ดินเผา หรือแม้แต่นำวัสดุธรรมชาติมาใช้อย่าง กะลามะพร้าว ผลสับปะรด ที่ย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติ ไอเดียเก๋มากๆในประเทศไทยของเรามีสับปะรดอยู่หลายสายพันธุ์ แต่ที่ทางร้านนำมาใช้จะเป็นพันธุ์ท็อปๆ อย่างสับปะรดภูแล(จ.เชียงราย) ลูกเล็กๆ กรอบหวาน, พันธุ์ภูเก็ต จะลูกใหญ่สุด รสชาติหวานหอมคล้ายมะพร้าว และพันธุ์ที่ร้านใช้เป็นส่วนประกอบเยอะที่สุดคือ พันธุ์ปัตตาเวีย และ ศรีราชา ทั้งสองพันธุ์นี้ลูกจะสวย เนื้อจะเยอะ"ขนมจีนซาวน้ำ (270 บาท)" เป็นอาหารคลายร้อนในฤดูร้อน แต่ที่ร้านนี้มีให้ทางกันทั้งปีเลย เสิร์ฟมาพร้อมกุ้งลวก, ส้มโอ, ไข่นกกระทา, มะกรูด, ขิงอ่อน, หอมแดง และกระเทียม สับปะรดที่ใช้เป็น พันธุ์ภูเก็ต แถมยังท็อปด้วยเกล็ดน้ำแข็งสับปะรดอีกด้วย วิธีทานก็คือราดน้ำกะทิลงไปเลย"ข้าวผัดสับปะรด (หมู,ไก่,เจ 220 บาท/ ซีฟู้ด 280 บาท/ Giant 490 บาท)" สูตรของร้านจะรวมทุกมิติของข้าวผัดที่รวมสับปะรดทุกพันธุ์ที่มี ผัดกับข้าวออร์แกนิคจากฟาร์ม จ.นครปฐม เนื้อสัตว์ก็จะมีเบคอนที่หมักเอง คอหมู และกุนเชียงหั่นเต๋า"หมูปิ้งราดพะแนง (240 บาท)" ซึ่งจะเห็นว่าที่เสียบไม้จะมีสับปะรดอยู่ เมนูนี้จะเลือกใช้พันธุ์ ปัตตาเวีย รสชาติหวาน ฉ่ำเนื้อมาก ทานคู่กับซอสพะแนงเข้มข้น เสิร์ฟมาในกะลามะพร้าวเก๋ๆล้างปากต่อด้วยของหวานกับเมนู "พุดดิ้งสับปะรด (170 บาท)" เป็นครีมมะพร้าวราดด้วยซอสสับปะรด มีบิสกิตบางกรอบท็อปมาด้วย เสิร์ฟมาในสับปะรดลูกเล็กๆ น่ารักๆสายสับปะรดเลิฟเว่อร์ต้องห้ามพลาดร้าน "Casa Sapparod" อยู่ที่ซอยเจริญกรุง 44 ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2004-5727

  • Bar Mee ร้านเด็กเส้นน้องใหม่ สไตล์ Fine Dining

    "Bar Mee" ร้านน้องใหม่ที่เสิร์ฟมาในสไตล์ Fine Dining ห้ามปรุงเพิ่ม! การันตีความอร่อยโดยเชฟชาวสิงคโปร์ เชฟวิลเมนต์ ลีออง ที่คิดค้นรสชาติและรสสัมผัสมาอย่างลงตัว เชฟอยากให้ลูกค้าได้ทานก๋วยเตี๋ยวแบบรสชาติความเป็นก๋วยเตี๋ยวจริงๆ ไม่ต้องปรุงเพิ่มให้วุ่นวาย บวกกับวัตถุดิบที่เลือกและคัดสรรมาในชามนั้นๆ แล้ว"ซอสเพสโต้เขียวหวาน (120 บาท)" เมนูนี้ใช้เส้นสปาเก็ตตี้หมึกดำ ทานกับซอสเพสโต้เขียวหวานสูตรที่เชฟนำเครื่องแกงสมุนไพรปั่นหยาบแล้วนำไปเคี่ยวจนได้ซอสที่หอม เสิร์ฟพร้อมไข่แดงและเป็ดชาชู"ซุปต้มยำโฮมเมด (150 บาท)" เบสท์หลักของเมนูนี้คือซุปต้มยำ เส้นที่ใช้จะเป็นเส้นเล็ก น้ำซุปสูตรของเชฟจะเข้มข้นมาก เสิร์ฟมาพร้อมกับมะพร้าวอ่อน ลูกชิ้นปลา ฮือก้วย ผักกาดแก้ว และเมนูนี้ยังมีแบบแห้งอีกด้วย ก็จะได้รสชาติที่แตกต่างกันออกไป"ซอสฮอยซินสูตรโบราณ (120 บาท)" บะหมี่หยกเหนียวนุ่ม ราดด้วยซอสสูตรพิเศษที่มีความหอม หวาน และเค็มแบบลงตัวในสไตล์จีน ทานคู่กับหมูแดงติดมัน และฮือก้วยชิ้นโต คลุกซอสให้เข้ากันก่อนทานใครอยากมาพิสูจน์รสชาติก๋วยเตี๋ยวแบบไม่ต้องปรุง มากันได้ที่ร้าน "Bar Mee" ตึก SVL House ถนนสุรศักดิ์ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. (หยุดทุกวันอาทิตย์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-1723-2650

  • ครัวจำแลงแปลงกาย อาหารใต้แปลงกายในแบบฉบับสงขลา

    เมนูอาหารใต้ที่ถูกแปลงกายมาในแบบฉบับสงขลาที่แต่ละเมนูต้องร้องว้าว กับร้าน "ครัวจำแลง แปลงกาย" ที่จำแลงเมนูอาหารจากสูตรในครอบครัวมาให้ทุกคนได้ทาน ในสไตล์อาหารฟิวชั่นหรือฟิวฉันที่นำความโมเดิร์นเข้ามาผสมผสานกับอาหารใต้และวัตถุดิบสุดพรีเมี่ยม คอนเซ็ปต์ของชื่อร้าน "ครัวจำแลง แปลงกาย" มาจากคำ 2 คำ คือคำว่า "จำแลง" คือ จำแลงเมนูอาหารจากสูตรในครอบครัวมาให้ทุกคนได้ทานกัน และคำว่า "แปลงกาย" คือ สไตล์อาหารฟิวชั่น หรือที่ทางร้านเรียกว่า ฟิวฉัน คือนำความโมเดิร์นเข้ามาใส่ในตัวอาหาร มาเริ่มที่เมนูแรก "ขนมจีนน้ำยาปูอลาสก้า (2,499 บาท/ตามน้ำหนักตัว)" ปกติจะเห็นแต่ขนมจีนน้ำยาปูธรรมดา แต่ทางร้านจัดแจงแปลงกายร่ายมนต์ใส่ปูอลาสก้ายักษ์นำเข้าจากญี่ปุ่นลงไป แล้วลูกค้าไม่ต้องแกะเนื้อปูเลย สามารถตักทานเนื้อเน้นๆ ได้เลย ทางร้านโขลกเครื่องแกงกันเอง วัตถุดิบพริกแกงก็สั่งตรงมาจากสงขลาเลย"สปาเกตตีไตปลาแห้งกุ้งมังกร (1,499 บาท/ตามน้ำหนักตัว)" เส้นสปาเกตตีลวกแบบสุกพอดีกรุบๆ ผัดเคล้ากับเครื่องแกไตปลาสูตรเด็ดที่เคี่ยวมาอย่างดี รสชาติเผ็ดเป็นเอกลักษณ์ ท็อปด้วยกุ้งมังกรลายเสือตัวใหญ่"ข้าวยำกุ้งล็อบสเตอร์ (999 บาท/ตามน้ำหนักตัว)" เมนูทีเด็ด ปกติข้าวยำจะเจอแต่สมุนไพรไม่มีเนื้อสัตว์ แต่ที่นี่เป็นแบบพรีเมี่ยมแปลงกายมาทั้งทีก็จัดล็อบสเตอร์ให้เลย และหัวใจหลักของเมนูนี้คือ น้ำบูดู ที่ร้านคัดสรรเจ้าเด็ดมาเอง เคี่ยวนานถึง 12 ชม."คั่วกลิ้งหอยเชลล์ (290 บาท)""หมูทอดกะปิ (170 บาท)""แกงเหลืองยอกมะพร้าวอ่อนปลาแซลมอน (350 บาท)"ใครอยากมาลองเมนูใต้แปลงกายมากันได้ที่ร้าน "ครัวจำแลง แปลงกาย" รามคำแหง ซอย 4 ใกล้กับโรงพยาบาลแพทย์ปัญญา วันจันทร์-ศุกร์ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 10.30-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-1918-2222

  • Paka Restaurant เปิดตำรับอาหารไทยโบราณฉบับป่าก์

    "Paka Restaurant" ร้านอาหารไทยโบราณแบบดั้งเดิมที่เข้าถึงได้ง่าย ในลักษณะโฮมเมดรวมถึงประยุกต์กับพื้นฐานความรู้ดั้งเดิมของครอบครัวเจ้าของร้านที่เป็นครอบครัวขุนนางโบราณ แล้วก็ใช้วัตถุดิบในปัจจุบันมาร่วมด้วย เจ้าของร้านอย่าง "เชฟภูมิ-จักรภูมิ บุณยาคม" เล่าให้ฟังว่าไอเดียของชื่อร้านมาจากคำโบราณพยางเดียวที่จำง่าย "ป่าก์" มาจากรากศัพท์คำว่า ปากะ หมายถึง การทำอาหารหรือการรับรสทางปาก และยังพ้องไปกับตำราอาหารเล่มแรกของไทย ที่มีชื่อว่า "แม่ครัวหัวป่าก์" คือ คนที่เก่งในเรื่องการทำอาหาร และนอกจากเชฟภูมิแล้วยังมีหุ้นส่วนอย่าง "คุณเอี๊ยด-สกุลชัย สามเสน" ลูกชายคนโตของ "เชฟป้อม-หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล" มาร่วมกันรังสรรค์เมนูอาหารไทยโบราณ"ปีกไก่ยัดไส้ซอสส้มซ่า (190 บาท)" เมนูทานเล่น ปีกไก่ในส่วนของปีกบนไปจนถึงปีกปลาย เลาะเอากระดูกออกทั้งหมดแล้วยัดไส้ด้วยวุ้นเส้น หมูสับ และเห็ดหอม ปรุงรสคลุกกับซอสส้มซ่ารสเปรี้ยวหวานที่มีกลิ่นหอมเฉพาะ"ข้าวมันเพชรราตรีส้มตำโบราณ (220 บาท)" ส้มตำโบราณที่ใส่กล้วยดิบและมะละกอสุกเคล้ากับน้ำยำที่มีกุ้งแห้งป่น ทานคู่กับข้าวมันเพชรราตรี ข้าวหอมมะลิพันธุ์เพชรราตรี สุดยอดพันธุ์ข้าวที่เกิดจากการแตกตัวของข้าว 1 กอ ใน 2 หมื่นกอ"พะโล้ไข่เค็มโบราณ (270 บาท)" สูตรวังเทวะเทสว์ เมนูเอ็กซ์คลูซีฟที่เชฟป้อมถ่ายทอดสูตรมาแบบละเอียด เป็นพะโล้ที่ไม่ใส่ซีอิ๊วและเครื่องพะโล้แบบจีน แต่มาในสไตล์ต้มเค็ม ใช้ไข่คุณภาพ ไข่เป็ดไล่ทุ่งที่เอามาทำเป็นไข่เค็ม"ผัดไทยเจ้าสมุทร (ประมาณ 900 บาท) / ต้องโทรมาจองก่อนล่วงหน้า" ผัดไทยเส้นจันท์ ผัดกับน้ำมันหมูและซอสผัดไทยใส่มันกุ้งเสวย แปลงกายจากกุ้งสดที่เราคุ้นเคยเป็นอัดแน่นไปด้วยบรรดาเจ้าสมุทร ทั้งปูทาราบะ หอยเชลล์ อูนิ ไข่ปลาแซลมอน และกุ้งแม่น้ำ"เค้กมะกรูด (189 บาท)" มะกรูดคนส่วนใหญ่คิดว่าเอามาใช้ในเมนูคาว แต่โบราณเอามทำเป็นของหวานได้ด้วย"Paka Restaurant" อยู่ใกล้กับร้านโกโรตี ถนนนครไชยศรี ร้านเปิดทั้งหมด 2 รอบ คือ รอบเช้า ตั้งแต่เวลา 11.00-15.00 น. และรอบเย็น ตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น. (หยุดทุกวันอังคาร) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-5942-6950

  • ร้านผงชูรส อร่อยได้ ไม่ใส่ผงชูรส

    มาถึงร้านอาหารอีสานที่ชื่อร้านสะกิดหูเอามากๆกับ "ร้านผงชูรส" แรงบันดาลใจของคุณส้มเจ้าของร้านซึ่งเค้าแพ้ผงชูรสแต่ก็ชอบทานอาหารอีสานเลยเกิดไอเดียนี้ขึ้นมา และแน่นอนว่าร้านอาหารอีสานร้านนี้ไม่ใส่ผงชูรสแต่ก็ยังรสชาติแซ่บๆ ไว้แน่นอนคำว่า "ผงชูรส" ที่ทางร้านเลือกนำมาใช้ให้ความหมาย คือ การชูรสชาติของวัตถุดิบในเมนูต่างๆ ตามสโลแกนของร้าน "อร่อยได้ ไม่ใส่ผงชูรส" เริ่มกันด้วยออเดิร์ฟอย่างเมนู "ปลาร้าปลาหมึก (155 บาท)" ที่เปรียบเทียบได้กับเมนูปลาหมึกวาซาบิของญี่ปุ่น แต่เปลี่ยนเป็นใช้ปลาหมึกดองในน้ำปลาร้าแทนมาถึงเมนูเส้นขนมจีนแซ่บๆ "ข้าวปุ้นซาวน้ำปลาแดดกากหมู (155 บาท)" เส้นขนมจีนคลุกเคล้ากับน้ำปลาร้าต้มสุกสูตรร้อยเอ็ด ปรุงรสอย่างดีด้วย กะปิ กระเทียมดอง โรยด้วยเม็ดกระทิน กากหมู และเพิ่มความเผ็ดร้อนด้วยพริกแห้งแทนพริกป่น เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง ไข่ทรงเครื่องเพื่อมาทานคู่กับปลาร้าและผักเคียงอย่างชะอมและกะหล่ำปลีต่อด้วยเมนูที่แปลงกายมาอย่างแนบเนียนเพิ่มเติมคือความเฮลตี้ "ตำอโวคาโดไข่แดงเค็มหมี่กรอบ (255 บาท)" อโวคาโดสุกคลุกเคล้ากับน้ำส้มตำไทยเข้มข้น ใส่ถั่วลิสง ใส่ไข่แดงดิบ ท็อปด้วยหมี่กรอบ"ซั่วปลาหมึกเส้นไข่แดงเค็ม (185 บาท)" ปลาหมึกหั่นเส้นและนำไปกริลจนสุกแบบพอดี จากนั้นนำไปตำกับน้ำปลาร้ารสชาติกลมกล่อม ใส่ไข่แดงเค็ม หรือใครที่ไม่ทานปลาร้าก็สามารถแจ้งทางร้านได้เลยแต่ละเมนูแปลงกายมาได้อย่างแนบเนียนที่สำคัญแซ่บได้แบบไร้ผงชูรสคือดีงามจริงๆ ใครอยากมาลองมากันได้ที่ร้าน "ผงชูรส" ถนนสีลม ซอยสีลม 3 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 12.00-21.00 น. (หยุดทุกวันพุธ) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-2504-1198

  • EAT SPACE 6060

    ร้านบรรยากาศดี ดนตรีเพราะ อาหารจัดเต็ม แก๊งค์เพื่อนสายแฮงค์เอาท์ต้องมาเลยที่ร้าน "EAT SPACE 6060" มีดนตรีสดให้ฟังทุกวันศุกร์-อาทิตย์ มานัดแฮงค์เอาท์กันได้สบายๆ และร้านนี้ยังเคยเปิดเป็นแกลอรี่มาก่อนจึงมีโซน Art Space สำหรับโชว์งานศิลปะอีกด้วยภายในร้านจะออกโทนมืดๆ แต่ดูมีชีวิต มีกลิ่นอายความอาร์ตที่มาพร้อมกับศิลปะรอบๆ ร้าน EAT SPACE 6060 จึงเป็นพื้นที่สังสรรค์และพบปะกัน ซึ่งชื่อร้าน "EAT SPACE 6060" มาจากตัวเลข 6060 ที่เป็นลัคกี้นัมเบอร์ของเจ้าของร้าน เลยนำมาใส่ในชื่อร้าน และอาหารที่ร้านเป็นสไตล์อินตาเลี่ยนไทย เป็นเมนูอาหารทานง่าย ฟิวดินเนอร์"ข้าวผัดกุ้งพริกขี้หนูสด (280 บาท)" รสจัดจ้าน เนื้อกุ้งแน่นๆ แล้วน้ำที่ผัดเชฟจะใส่แยกเสิร์ฟมาให้ สำหรับใครที่ชอบราดน้ำฉ่ำๆ ก็สามารถราดเติมเองได้ตามชอบ"เฟตตูชินี ทรัฟเฟิลซอส (320 บาท)" จานนี้หอมน้ำมันทรัฟเฟิลมาก เชฟจะผัดเห็ดทั้งสามอย่างเข้าด้วยกัน คือเห็ดชิเมจิ เห็ดแชมปิยอง และเห็ดออรินจิ ราดด้วยครีสซอส"ข้าวกะเพราะหมูคลุกไข่ดาว (280 บาท)""เมี่ยงยำปลาทู" ปกติน้ำจิ้มเมี่ยงปลาทูจะเป็นน้ำจิ้มหวานๆ แต่ที่นี่เป็นน้ำจิ้มซีฟู้ดใส่ถั่วตัด"เฟรนช์ฟราย" สำหรับเมนูนี้ที่ร้านจะทำเป็น Truffle Fried คลุกกับน้ำมันทรัฟเฟิล เสิร์ฟพร้อมดิปแอนโชวี่และกาลิคทานข้าวชมแกลอรี่ มีดนตรีสด อาหารอร่อย ชวนแก๊งค์เพื่อนสายแฮงค์เอาท์กันได้ที่ร้าน "EAT SPACE 6060" ถนนประดิพัทธ์ ซอยประดิพัทธ์ 21 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 17.00-24.00 น.(หยุดทุกวันอาทิตย์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2618-5545

  • Ñam Ñam Pasta & Tapas พาสต้าเส้นสดสูตรโฮมเมด

    สำหรับคนรักเมนูเส้นไม่อยากให้มาลองความอร่อยกันที่ร้าน "Ñam Ñam Pasta & Tapas" ร้านพาสต้าเส้นสดสูตรโฮมเมด ทำเส้นสดๆ วันต่อวัน โชว์ให้ลูกค้าดูในร้านกันเลยทีเดียว จากฝีมือเชฟดีกรีสถานบันชั้นนำด้านอาหารจากอเมริกา ก่อนจะกลับมาเปิดร้านพาสต้าบรรยากาศสุดอบอุ่นบนถนนเพชรบุรีชื่อร้าน "Ñam Ñam Pasta & Tapas" มาจากภาษาสเปน ยัมยัม ที่แปลว่า อร่อย หรือถ้าอ่านแบบภาษาอังกฤษก็จะออกเสียงเป็นชื่อของ 'เชฟน้ำ' เจ้าของร้านนั่นเอง จุดเริ่มต้นก่อนที่จะเป็นร้านพาสต้าเส้นสดแบบนี้ เชฟน้ำได้ไปเรียนด้านอาหารที่นิวยอร์ก พอเรียนจบก็ทำงานเป็นเชฟที่นิวยอร์กและสิงคโปร์ โดยส่วนตัวเชฟน้ำเป็นคนชอบทานพาสต้าอยู่แล้วด้วย จึงเกิดเป็นไอเดียกลับมาเปิดร้านพาสต้าเป็นของตัวเอง ส่วนบรรยากาศของร้าน เชฟน้ำตั้งใจตกแต่งให้เป็นบรรยากาศแบบโฮมมี่ เน้นความเรียบง่าย ให้คนที่เข้ามาทานอาหารในร้านได้ความรู้สึกเหมือนทานอยู่ที่บ้านเส้นพาสต้ามีมากมายกว่า 600 ชนิด สามารถแบ่งตามรูปร่างของเส้นได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ พาสต้าเส้นสั้น และพาสต้าเส้นยาว จะมีรูปร่างและชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป"Black Garlic (290 บาท)" เมนูใหม่ล่าสุด เกิดจากที่เชฟน้ำอยากครีเอทเมนูนี้ขึ้นมาโดยตัวซอสทำมาจากกระเทียมที่นำมาบ่มจนกลายเป็นเส้นสีดำและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ส่วนพาสต้าที่ใช้จะเป็นเส้น Spaghettini ที่เล็กกว่าตัวเส้นสปาเกตตีเล็กน้อย หรือถ้าใครชอบเส้นแบบอื่นก็สามารถเปลี่ยนได้"Bucatini Ramen Pasta (290 บาท)" หรือเรียกง่ายๆ ว่า ราเมนพาสต้า เป็นเมนูที่ผสมผสานระหว่างราเมนและพาสต้าไว้ด้วยกัน โดดเด่นด้วยน้ำซุปกระดูกหมูที่ต้มพร้อมกับส่าหร่ายคอมบุ นานเกือบ 10 ชม. ผสมผสานความอร่อยด้วยเส้น Bucatini ที่มีรูตรงกลางทำให้น้ำซุปเข้าเนื้อได้ดี และทีเด็ดอยู่ที่หมูชาชูทำเอง พร้อมเพิ่มความหอมด้วยเห็ด และ Truffle Oil"Corn Cake (180 บาท)" หรือข้าวโพดทอด เมนูทานเล่นที่เชฟน้ำครีเอทขึ้นมาเอง โดยนำข้าวโพดทอดมาผสมผสานกับ Sour Cream, อะโวคาโด, มะเขือเทศ และเบคอนพริกเผา เพิ่มความเปรี้ยวด้วยมะนาว สัมผัสได้ถึงความกรอบ หวาน เปรี้ยว เผ็ดนิดๆ ที่ลงตัว"Pork Chop with Gnocchi (350 บาท)" เนื้อพอร์คช็อปที่ย่างมาแบบสุกกำลังดี เสิร์ฟมาพร้อมกับ Gnocchi (ย็อคคี พาสต้าชนิดหนึ่งที่มีส่วนประกอบหลักทำมาจากมันฝรั่ง) ในครีมมี่และเพสโต้ซอส มีมะเขือเทศ เห็ด และโหระพา ไว้ทานคู่กับพอร์คช็อปให้ความลงตัวเข้ากันมากมาลองพาสต้าโฮมเมดฝีมือเชฟน้ำกันได้ที่ร้าน "Ñam Ñam Pasta & Tapas" ซอยศูนย์วิจัย หรือซอยเพชรบุรี 47 แยก 5 ร้านอยู่ตรงข้ามกับคอนโดศูนย์วิจัย เรสซิเดนท์ ร้านเปิดให้ทาน 2 ช่วงเวลา คือ 11.00-15.00 น. และ 17.00-22.00 น.(หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-8520-8026

  • ขนมจีนไหหลำโกหลุ่น

    "ร้านขนมจีนไหหลำโกหลุ่น" เปิดมากกว่า 20 ปี เป็นร้านขนมจีนสูตรไหหลำแท้ๆ ซึ่งเป็นของแปลกแต่อร่อยและหากินยาก โดยเจ้าของร้านเป็นคนไทยเชื้อสายจีนไหหลำทั้งคู่ คือ 'คุณจรูญ จันทร์รัศมีวิไล หรือ โกหลุ่น' และภรรยา 'คุณมัสมณ จันทร์รัศมีวิไล'  จึงถือเป็นร้านแรกๆ ที่ขายขนมจีนไหหลำที่รับรองเลยว่าอร่อยเหมือนต้นตำรับแน่นอน'ขนมจีนไหหลำ' รูปร่างคล้ายก๋วยเตี๋ยวแต่เส้นคล้ายอูด้ง แต่ใหญ่กว่าสปาเก็ตตี้ มีความเหนียวนุ่มไม่เละ และไม่เปรี้ยว เพราะหมักไม่เหมือนขนมจีนทั่วไป ทางร้านจึงสั่งโรงงานผลิตให้เป็นไปตามสูตรของทางไหหลำแท้ๆ โดยขนมจีนไหหลำจะแบ่งออกเป็น 2 เมนู คือ น้ำใสและน้ำข้น เครื่องก็มีให้ทั้งหมูสด, กระเพาะหมู, หมูกรอบ, ผักดอง, ต้นหอม, งา, กระเทียมเจียว และทีเด็ดอยู่ที่ 'น้ำจิ้มกะปิไหหลำ'  ที่ทางร้านทำเองตามสูตรของไหหลำเช่นกัน รสชาติมีความเค็มและเผ็ดเข้ากันลงตัว จะจิ้มหรือราดลงไปในขนมจีนก็ได้ ตามแต่คนชอบ"ขนมจีนไหหลำน้ำใส (50 บาท)""ขนมจีนไหหลำน้ำข้น (50 บาท)"ใครอยากลิ้มลองความอร่อยของขนมจีนไหหลำสูตรต้นตำรับแท้ๆ มากันได้ที่ "ร้านขนมจีนไหหลำโกหลุ่น" ตั้งอยู่ปากซอยมหรรณพ 2 ใกล้ศาลเจ้าพ่อเสือ ย่านเสาชิงช้า ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 7.00-15.00 น.(หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-9010-2123

  • เข้าสู่คาเฟ่แห่งจินตนาการใน นิทานคาเฟ่

    'เที่ยวหนึ่งวันปทุมธานี' พลาดไม่ได้กับคาเฟ่เปิดใหม่ในสวนสวยสไตล์อังกฤษที่ "นิทานคาเฟ่ (Nitan Cafe & Garden)" มีสวนและลำธารเล็กๆ ให้ความสดชื่น ร่มรื่นเหมือนหลุดเข้าไปในโลกนิทาน มุมถ่ายรูปก็เพียบ มีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และของหวานมากมายที่ทางร้านสร้างสรรค์ขึ้นมาจากใจ'นิทานคาเฟ่' เกิดจากความฝันของ 'แอน-ปรัชญา สิงห์โต' และ 'โบว์-ศิวาพร สิงห์โต' คู่สามีภรรยาที่อยากมีคาเฟ่เล็กๆ ให้บรรยากาศราวกับอยู่ในนิทานสักเรื่อง จึงกลายเป็นคอนเซปต์ร้านน่ารักๆ เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์เมนูอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงบรรยากาศร้านที่ตกแต่งให้อยู่ในสวน มีดอกไม้ ลำธาร โดยใช้ชื่อลูกสาวของทั้งคู่ ชื่อว่า 'น้องนิทาน' มาตั้งเป็นชื่อร้านกว่าจะกลายมาเป็นร้านนิทานคาเฟ่ คุณแอนและคุณโบว์จึงให้น้องสาว 'โมนา-พิมพ์ลภัส น้ำเงินใจงาม' ไปเรียนทำขนมอยู่หลายคอร์ส เพื่อมาเป็นผู้จัดการร้านและดูแลเมนูอาหารร่วมกัน แต่กว่าจะสร้างสรรค์รายชื่อเมนูสนุกๆ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากโลกแห่งนิทาน พวกเขาต้องช่วยกันระดมความคิดอย่างหนักแล้วค่อยๆ พัฒนามาเรื่อยๆ จนได้ชื่อเมนูและตัวเมนูที่มีความสอดคล้องกับโลกแห่งนิทานตามต้องการ เริ่มด้วยเมนูทานเล่นสุดคิ้วท์ "ไส้กรอกค็อกเทล" จี่ในน้ำมันน้อยๆ ไฟกลางเพื่อให้ผิวไส้กรอกตึงสวยโดยที่เนื้อในยังนุ่ม และ "เบสิกเฟรนช์ฟรายส์" ทอดจนเหลือง กรอบนอกนุ่มใน โรยเบคอนบิทนิดหน่อย ฟินได้ง่ายๆ เพียงแค่จิ้มซอสมะเขือเทศ"ข้าวแซลมอนไทยเทอริยากิ (245 บาท)" ข้าวปลาแซลมอน นำแซลมอนชิ้นโตไปย่างให้สุกพอดี ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงไทยล้วนๆ ราดด้วยน้ำซอสเทอริยากิสไตล์ไทย ให้รสเค็มหวานนวลๆ หอมเครื่องสมุนไพร คลุกกับข้าวหอมมะลิอุ่นๆ และไข่ออนเซ็นเพิ่มความกลมกล่อม เคียงด้วยผักต่างๆ เพิ่มความสดชื่น และยังมีผักชนิดที่ไม่ค่อยเจอที่ไหน นั่นคือ 'ผักปลัง' ซึ่งเป็นผักทางตอนเหนือของไทย"เพนเน่คาโบอาม่า (225 บาท)" ซอสคาร์โบนาราสูตรต้นตำรับ ตัวซอสทำจากซอสไข่แดงจากไข่ออนเซ็นและครีมชีส ทานกับเบคอนบิทกรุบกรอบและเบคอนชิ้นหนาพอดีคำ คอนเซปต์ของเมนูนี้คือ 'เป็นเมนูสั่งง่ายสบายใจเหมือนคุณยายใจดีเดินออกมาจากนิทานมาทำให้กิน' นั่นเอง"มาเลฟิเซนต์ (264 บาท)" เมนูนี้เป็นตัวแทนของสีกลางคืนในนิทาน จานนี้รวบรวมช็อคโกแลตหอมหวานเข้มข้นในรูปแบบต่างๆ ใครชอบช็อกโกแลตแนะนำเมนูนี้เลย"ชีสเค้กหน้านิ่ม แยมมิกซ์เบอร์รี (265 บาท)""บัมเบิลบี (145 บาท)" กาแฟสูตรพิเศษของทางร้าน ที่เอาชื่อพันธุ์ของผึ้งมาตั้งชื่อเมนู เพราะแก้วนี้มีน้ำผึ้งป่าหวานหอม แล้วยังมีไซรัปเปรี้ยวซ่าจากมะขาม เข้ากันอย่างลงตัว"นีโม (225 บาท)" ไอศกรีมชาไทยโฮมเมดที่ทางร้านทำเอง ทานคู่กับเฉาก๊วย ฮันนี้แคนดี้และครัมเบิ้ล เพิ่มรสสัมผัสกรุบกรอบด้วยข้าวพองญี่ปุ่นที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับรสชาติชาไทยแล้วยังราดซอสชาไทยเพื่อเพิ่มความเข้มข้นลงไปอีกมาสัมผัสโลกแห่งนิทานกันได้ที่ "ร้านนิทานคาเฟ่ (Nitan Cafe & Garden)" ร้านอยู่ในซอยหมู่บ้านกฤษณา 1 วันจันทร์-ศุกร์ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-19.30 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 10.00-19.30 น. (หยุดทุกวันอังคาร) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-5935-1139

  • อยุธยา รีทรีต คาเฟ่เรือนไทย

    "อยุธยา รีทรีต (Ayutthaya Retreat)" ร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ในจังหวัดอยุธยา และรีสอร์ท เรือนไม้สักสวยงามในบรรยากาศย้อนยุคแต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเมื่อเข้ามาด้านในจะเจอสระบัวขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยอาคารทรงไทยหลายหลัง รอบสระมีทางเดินไม้ สามารถเดินชมบรรยากาศได้แบบชิลๆ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของ อยุธยา รีทรีต นอกจากนี้ลมยังพัดเย็นสบายตลอดทั้งวัน แถมริมน้ำยังมีเปลไว้นอนชิลรับลมอีกด้วยมาผ่อนคลายกันถึงอยุธยาทั้งที ต้องมาชิมอาหารตามแบบฉบับของ อยุธยา รีทรีต มีทั้งอาหารไทยทั้งคาวและหวาน หลากหลายเมนูมาอยุธยาเมนูที่ห้ามพลาดก็คือ "กุ้งแม่น้ำเผา (700 บาท)""ยำโบราณ (150 บาท)" ยำวุ้นเส้นสูตรพิเศษของทางร้าน"แกงส้มชะอมกุ้ง (200 บาท)""ซอลท์เท็ดคาราเมลอัญชัน (85 บาท)""อุทัยทิพย์ฮันนี่เลมอน (85 บาท)""เค้กมะพร้าวอ่อน (100 บาท)"แวะมาผ่อนคลายกันได้ที่คาเฟ่เรือนไทยบรรยากาศดี "อยุธยา รีทรีต (Ayutthaya Retreat)" ซอยข้างวัดป้อมใหญ่ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.30-18.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-3886-5968

  • E.Bomb Egg Sandwiches & Fries

    "E.Bomb Egg Sandwiches & Fries" ร้านแซนด์วิชไข่สุดฮิตสไตล์ญี่ปุ่นสัญชาติไทย กับคอนเซ็ปต์ Grab and Go เหมาะที่จะทานในช่วงเวลาเร่งรีบหรือทานเป็นอาหารเช้าก่อนไปทำงาน แต่ละเมนูก็น่ารัก เสิร์ฟมาในรูปแบบแซนด์วิชจิ๋วแต่วัตถุดิบไม่จิ๋วเลย "Minibites (145 บาท)" แซนด์วิชไข่จิ๋วแบบย่อส่วนมาแล้ว มีทั้งเบคอนและไข่ดาว ซอสมีความเปรี้ยวเผ็ดนิดๆ พอมาเจอกับเบคอนกรอบๆ และไข่ดาว มีเข้ากันมากๆ"Wagyu Bomb Sandwich (499 บาท)" แซนด์วิชเนื้อวากิวหอมๆ ท็อปด้วยไข่หอยเม่น ไข่ปลาคาเวียร์ และเห็ดทรัฟเฟิลสไลซ์ "Stir Fried Noodles (89 บาท)""Shrimp Bomb (95 บาท)""Lychee Lemon Soda (120 บาท)""Strawberry Yogurt Frappe (145 บาท)" "ร้าน E.Bomb Egg Sandwiches & Fries" สยามสแควร์ ซอย 7 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-8959-5599

  • Oh Shit Not You Again ไก่ทอดสไตล์ไต้หวัน

    อีกหนึ่งร้านเด็ดในลิโด้ คอนเน็คท์ "Oh Shit Not You Again" ร้านไก่ทอดสไตล์ไต้หวัน การันตีฝีมือจากเชฟระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาว มาเป็นผู้ดูแลคิดค้นสูตรอาหารให้เลยที่มาของร้าน "Oh Shit Not You Again" เกิดจากทางเจ้าของร้านอยากให้คนไทยได้กินไก่ทอดในสไตล์ไต้หวันแท้ๆ พร้อมทั้งให้ได้เรียนรู้วัฒนธรรมการกินแบบไต้หวันที่มักจะเสิร์ฟมาเป็นไก่ชิ้นโตทอดกรอบ แล้วหยิบกินเป็นชิ้นๆ"ไก่ทอดไต้หวัน (ชิ้นละ 159 บาท)" เมนูซิกเนเจอร์ ใส่ถุงกระดาษแบบนี้ได้ฟีลสตรีทแบบที่ไต้หวันเลย"Taro chips (ไซส์ S ราคา 59 บาท/ ไซส์ L ราคา 79 บาท)" มีให้เลือกถึง 5 สูตร คือ Salt & Pepper, ไข่เค็ม, ชีส, ทรัฟเฟิล, หมาล่า"Chicken Wing (ไซส์ S ราคา 139 บาท/ ไซส์ L ราคา 199 บาท)""ข้าวมันไก่ทอดไต้หวัน (89 บาท)" "ข้าวมันไก่ทอดไถหนาน (ไซส์ S ราคา 99 บาท/ ไซส์ L ราคา 179 บาท)"ใครที่ชื่นชอบเมนูไก่ทอดสตรีทฟู้ดไต้หวันแบบนี้ แวะมากันได้ที่ร้าน "Oh Shit Not You Again" สยาม ลิโด้ คอนเน็คท์ ชั้น 1 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-3901-0551

  • Sky Over V คาเฟ่สายอาร์ตย่านจตุจักร

    "Sky Over V" คาเฟ่สายอาร์ตแห่งใหม่ในเขตจตุจักร มาในธีมสีขาวฟ้าผสมผสานศิลปะหลากหลายแขนงจึงเปรียบร้านนี้ได้กับงานศิลปะอีกหนึ่งชิ้น รวมถึงอาหารทั้งคาวหวานก็เก๋และอาร์ตไม่แพ้กันนอกจากนี้ภายในร้านยังมีแกลอรี่ให้ชมงานอาร์ตตามุมมต่างๆ อีกด้วย โดยแกลอรี่ของที่นี่จะหมุนเวียนเปลี่ยนนิทรรศการอยู่เรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผลงานจากศิลปินที่ "อาจารต่อ-รศ.ดร.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์" เจ้าของคาเฟ่แห่งนี้สะสมไว้ที่มาของคาเฟ่แห่งนี้ก็น่าสนใจมาก เพราะอาจารย์ต่อ เป็นหนึ่งในทีมปฎิบัติการค้นหาและกู้ภัยถ้ำหลวง ในระหว่างเหตุการณ์นั้นอาจารย์ได้ขึ้นไปนั่งอยู่บนเนินเขา และมองเห็นวิวภูเขาที่ซ้อนทับกันเป็นรูปตัววี (V) จึงเกิดเป็นที่มาของภาพเพ้นท์บนผนังในร้าน รวมถึงเป็นที่มาของชื่อร้าน Sky Over V และที่อาจารย์ต่อ เลือกทำคาเฟ่แห่งนี้ก็เพื่อเป็นช่องทางในการหารายได้เข้ามูลนิธิมดชนะภัยมาที่อาหารกันบ้าง เริ่มด้วยเมนูแนะนำของทางร้าน "ข้าวผัดกากหมูพริกสด (79 บาท)" ผัดกับพริกจินดา ไม่แห้งและไม่แฉะ กำลังดีต่อด้วยเมนูซิกเนเจอร์อย่าง "SOV Spicy Noodle Salad (99 บาท)" ตัวเส้นจะเป็นเส้นหมี่ดอกอัญชันที่โปะด้วยปูอัดไข่กุ้ง มาพร้อมน้ำสลัดรสจัดจ้าน"ฟูซิลีสามสีผัดพริกกระเทียมเบคอน (119 บาท)" เป็นเมนูฟิวชั่นรสชาติจัดจ้าน หอมพริกแห้งและเบคอน "บะหมี่แห้งเกี๊ยวหมู+หมูย่าง (85 บาท)"จัดเครื่องดื่มมาให้เข้ากับธีมร้านสีฟ้าด้วย "Blue Sky (149 บาท)" เป็น Blue Curacao Syrup ปั่นกับโยเกิร์ตและน้ำมะนาวสด ท็อปด้วยไอศกรีมเชอร์เบทรสมะนาว"Fresh Milk Caramel (70 บาท)" นมสดและคาราเมล ท็อปด้วยโฟมนมอัญชันและกราโนล่าปิดท้ายเมนูด้วยของหวาน "SOV Waffle with Cookie Monster (189 บาท)" วาฟเฟิลโฮมเมด เสิร์ฟพร้อมไอศกรีม Cookie Monster ที่ด้านในมีครัมเบิลซ่อนอยู่ด้วยและเมนู "Croissant Ice Cream (125 บาท)" ครัวซองต์อบสดใหม่เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมโฮมเมด บลูคาราเมลใครที่กำลังหาคาเฟ่สวยๆ นั่งพักผ่อน หรือเป็นที่นัดเจอกันก็แวะกันมาได้ที่ร้าน "Sky Over V" อยู่ซอยย่อยงามวงศ์วาน 54 แยก 5 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-1781-9892

  • Afternoon Tea โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพ

    เปรี้ยวปากชวนมาจิบชายามบ่ายในบรรยากาศสุดหรูที่ Lobby Lounge โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ (Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok ) กับ Afternoon Tea แสนละเมียดละไมแบบฉบับชาวอังกฤษ ในบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติสมกับที่เป็น Hidden Gems in Bangkok เพราะมีพื้นที่สีเขียวกว่า 60% เข้ามาแล้วให้ความรู้สึกผ่อนคลายร่มรื่นในช่วงยามบ่ายก็จะมี Chevaa Afternoon Tea ชุดน้ำชายามบ่ายที่รังสรรค์ออกมาได้อย่างสวยงาม มีให้เลือกทั้งหมด 2 ชุด คือ ชุด Indulgence สำหรับผู้ที่ชอบความเหรียบหรูคลาสสิค และ ชุด Guilt Free สำหรับผู้ที่ห่วงใยสุขภาพ ทุกชุดจะเสิร์ฟคู่กับชาระดับพรีเมี่ยมซึ่งชาของที่นี่มีให้เลือกถึง 12 Selection สามารถมาเลือกดมกลิ่นก่อนได้ ตัวชาจะถูกชงโดย Tea Master  "Indulgence Afternoon Tea" มีเมนูโฮมเมดทั้งหมด 11 อย่าง เป็นของคาว 5 เมนู และของหวาน 6 เมนู ถูกรังสรรค์โดย เชฟเอเดียน และ เชฟแม็ก ช่วยกันครีเอทเมนูทั้งหมดออกมา"Pulled Chicken Satay Brioche with Pickled Cucumber and Peanut Sauce" สะเต๊ะไก่ม้วนกับแตงดอง เสิร์ฟพร้อมกับซอสถั่ว เชฟจะนำทุกอย่างทั้งไก่ที่กริลแล้ว ผักดอง มาม้วนในแผ่นขนมปังบริยอช แล้วราดซอสสะเต๊ะลงไป"Strawberry Tartlet with Almond Croquant and Creme Patisserie" "Lemon Merengue Tarte Pop" เมนูนี้หน้าตาจะคล้ายๆ Lollipop ด้านนอกเป็นเมอร์แรงก์ ด้านในเป็นซอสเลมอน"Salted Caramel, Praline and Chocolate Plaisir""Classic Scone"มาจิบชายามบ่ายสไตล์อังกฤษในบรรยากาศร่มรื่นแบบนี้ มากันได้ที่ "โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ" ในส่วนของ Lobby Lounge สำหรับ Afternoon Tea เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 14.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2095-9999

  • Hide Park ร้านอาหารสวนลับใจกลางเมือง

    มาจิบเครื่องดื่มท่ามกลางน้ำตก บรรยากาศชิลๆ ในสวนสไตล์อังกฤษที่ "ร้าน Hide Park" ใจกลางสาทรที่มีคอนเซ็ปต์เป็น All Day Breakfast แนว Western มีการผสมผสานอาหารอิตาเลียนและอาหารฝรั่งเศสเข้ามารวมไว้ด้วยกันบรรยากาศภายในร้านคล้ายๆ กับสวนหลังบ้านในช่วงซัมเมอร์ที่ต่างประเทศซึ่งในช่วงนั้นวัยรุ่นจะชอบออกมาปิกนิก ปาร์ตี้กัน จึงเป็นที่มากลายเป็น Private Garden ที่ให้อารมณ์เหมือนมานั่งปิกนิกปาร์ตี้ในสวนหลังบ้านเพื่อนแบบนี้มาถึงอาหาร เริ่มความเฟรชกันด้วยสลัด "Walnut Apple Salad (280 บาท)" มีวอลนัท แอปเปิ้ลเขียว และริคอตต้าชีส คลุกมาในน้ำสลัดถ้าพูดถึงอาหารเช้าฝั่งตะวันตกก็ต้องนึกถึง Egg Benedict ซึ่งที่นี่มีเมนูที่ชื่อว่า "Egg In The Park (300 บาท)" เสิร์ฟมาพร้อมผักโขมแด เห็ดหอม เห็ดชิเมจิ และเห็ดชิตาเกะ ราดด้วยฮอแลนเดซสูตรพิเศษของทางร้าน"Crazy Crab (280 บาท)" เมนูหน้าตาคล้ายกับชีสเค้กแต่เป็นของคาว เป็นชีสเค้กใส่เนื้อปู ท็อปด้วยชีสซอสอีกที"Hide Park Burger (380 บาท)" เบอร์เกอร์หมูคุโรบูตะ ความฉ่ำของเนื้อหมูและขนมปังโฮมเมดเข้ากันอย่างลงตัว เมนูนี้มีทั้งเนื้อและหมูให้เลือกเมนูไฮไลท์ของทางร้าน "Nutella Pizza (250 บาท)" แป้งพิซซ่าโฮมเมด มีกลิ่นหอมของถ่านอ่อนๆ และราดด้วยนูเทลล่าเน้นๆ มาพร้อมผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ช่วยตัดให้สีพิซซ่าดูสวยงามมากยิ่งขึ้นใครอยากมาทานอาหารแนว Western แบบนี้ แถมยังได้มาสัมผัสกับบรรยากาศสวนสวยสไตล์อังกฤษด้วย มากันได้ที่ "ร้าน Hide Park" อยู่ที่สาทร 12 วันอังคาร-ศุกร์ เปิดตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เปิดตั้งแต่เวลา 08.00-19.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-2747-9402

  • ต้นกล้า ฟ้าใส อาหารเจแต่รสชาติไม่จำเจ

    เข้าสู่ช่วงเทศกาลกินเจแบบนี้ เปรี้ยวปากขอชวนทุกคนมาอิ่มบุญด้วย อร่อยด้วย ที่ "ร้านต้นกล้า ฟ้าใส" อยู่ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์กับเมนูเจหลากหลายอร่อยแบบไม่จำเจแถมได้โภชนาการครบถ้วนแม้จะเป็นอาหารเจแต่รสชาติไม่จำเจด้วยการันตีจากเหล่าลูกค้า เพราะเมนูของทางร้านถูกคิดร่วมกันจากทั้งนักโภชนาการ เชฟ และเภสัชกร ที่คิดมาแล้วว่าอาหารหนึ่งจานต้องมีทั้งความอร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและต้องให้สรรพคุณเป็นยาได้ด้วย ซึ่งแต่ละเมนูชวนให้นึกถึง Back to the future คือเป็นการกินจากธรรมชาติ และวัตถุดิบของทางร้านกว่า 70% เป็นเกษตรอินทรีย์ที่มีใบรับรองด้วยที่มาของร้านต้นกล้า ฟ้าใสเกิดจากทีมงานที่เห็นคนป่วยเป็นประจำทุกวัน จึงอยากทำอะไรดีๆ ที่เป็นการส่งต่อมอบให้กับผู้อื่นเลยออกมาในรูปแบบของการทำร้านอาหารเพื่อสุขภาพ และกลายเป็นคอนเซ็ปต์ "อร่อยที่สมอง อิ่มที่หัวใจ ห่างไกลความเจ็บป่วย" "กินทั้งทีต้องดีต่อสุขภาพ" และไม่ต้องกังวลเรื่องโปรตีนที่จะได้รับในแต่ละจานว่าจะครบถ้วนมั้ย เพราะนักโภชนาการของทางร้านได้คำนวณมาแล้วว่าการกินโปรตีนจากพืชหลากหลายชนิดเทียบเท่าการกินโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้เริ่มด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยแบบไทยๆ ก่อนเลย "เมี่ยงกลีบบัว (285 บาท)" เป็นการรวมกันของสมุนไพร 11 ชนิด ไว้ใน 1 คำ และราดด้วยน้ำจิ้มหวานที่ทางร้านใช้เม็ดมะม่วงหิมพานต์แทนถั่ว ใน 1 คำได้สารอาหารครบถ้วน"คั่วกลิ้ง Power Plants (199 บาท)" เมนูนี้ได้โปรตีนจาก More Meat ที่นำมาแทนเนื้อสัตว์ More Meat ก็คือ เห็ดแครง ถั่วเหลือ และข้าว นำมาผสมกัน แล้วนำไปผัดกับพริกแกงคั่วกลิ้งที่ทางร้านตำเองเป็นแบบโฮมเมด"เทมเป้ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ (149 บาท)" ซึ่งเทมเป้ก็คือถั่วเหลืองหมัก นำมาผัดคลุกเคล้ากับซอสหอยเจจะช่วยกลบกลิ่นของเทมเป้ได้ดี เมนูนี้จะคล้ายกับไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ แถมเทมเป้ยังให้โปรตีนได้เทียบเท่าเนื้อไก่ด้วย"บุปผาชมสวน (149 บาท)" เมนูรวมดอกไม้ ทั้งดอกขจร ดอกโสน ดอกอัญชัน และดอกพวงชมพู และรวมเห็ด 3 อย่าง (เห็ดหูหนู เห็ดหอม เห็ดออรินจิ) นำมาย่างจนหอม คลุกในน้ำยำน้ำตาลมะพร้าว"พะโล้ห้ากษัตริย์ (145 บาท)" พะโล้ของที่ร้านไม่ใช่น้ำตาลเคี่ยวแต่ใช้หล่อฮังก๊วยและน้ำมะพร้าวอ่อนเคี่ยวด้วยกันแทน ส่วน 5 กษัตริย์ก็จะประกอบไปด้วย เต้าหู้ เห็ดหอม เก๋ากี้ เกาลัด และแปะก๊วยมาทานอาหารเจเพื่อสุขภาพกันได้ที่ "ร้านต้นกล้า ฟ้าใส สาขาโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์" อยู่ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ร้านเปิดทุกวัน 06.30-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-3239-6566

  • หมู ปู เนื้อ สวรรค์ของคนรักปู

    อีกหนึ่งร้านที่คนรักเมนูปูต้องมาโดน "ร้านหมู ปู เนื้อ" ย่านพระราม 2 ที่ขายทั้งหมู ปู เนื้อ แต่ไฮไลท์ที่สุดต้องเป็นปูอย่างแน่นอน รับรองว่าสดใหม่แน่นอนเพราะมีบ่ออยู่หน้าร้านเลย และนอกจากนี้ยังมีติ่มซำแบบบุฟเฟต์อีกด้วย ส่วนเมนูของที่ร้านก็จะเป็นอาหารไทย-จีน มีเมนูให้เลือกหลากหลายมาก"ปูอบวุ้นเส้น (ราคาเริ่มต้น 650 บาท)" จานนี้เป็นปูดำจากฟาร์มที่ชลบุรี ก้ามใหญ่ และเมนูปูอบวุ้นเส้นของที่นี่จะไม่ใส่ข่า ทำให้ได้กลิ่นของปูบวกกับน้ำซอสค่อนข้างชัด แต่ใครที่อยากทานเมนูนี้ต้องสั่งล่วงหน้าก่อน 1 วัน เพราะวัตถุดิบและกรรมวิธีทำต้องพิถีพิถันมาก"หมี่ฮ่องกงปู (140 บาท)" เมนูสไตล์จีน ได้กลิ่นคั่วกระทะเบาๆ กับกลิ่นน้ำมันงา และเหล้าจีน เมนูนี้จัดกรรเชียงปูมาให้เน้นๆ ทั้งใหญ่และสดมาก"ผัดไทยไข่ปู และเนื้อปู (140 บาท)" ไข่ปูม้าส่งตรงจากมหาชัย ความพิเศษของปูที่ทางร้านใช้คือพกยกขึ้นมาจากทะเลแล้วเค้าจะนึ่งตรงนั้นเลย เพื่อรักษาความสดและรสชาติที่หวานของเนื้อปู เสิร์ฟมาพร้อมกากหมูเจียว และไข่เจียวหั่นฝอย"ร้านหมู ปู เนื้อ" อยู่ตรงข้ามโรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. (หยุดทุกวันพุธ) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-1813-8807

  • Foodie Market Bangna

    วันนี้เปรี้ยวปากขอพาทุกคนมาหาของอร่อยแบบจัดเต็มกันที่ย่านบางนา ในโครงการ "Foodie Market Bangna" แลนด์มาร์ครวมอาหารแห่งใหม่ในย่านนี้ มีร้านค้ากว่า 130 ร้าน ของกินละลานตาไปหมด"ร้าน AM-PM Carft" อยู่ที่โซน Night Market เต็นท์ 1 บล็อก B16 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 17.00-22.30 น. (หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-1408-9904"Super Junk (259 บาท)" เมนูรวมวัตถุดิบสุดอร่อยของร้าน ทั้งสะโพกไก่ทอด, แฮม, เบคอน, ไข่ดาว, แฮชบราวน์ ราดด้วยบัตเตอร์สก๊อต และชีสแบบจัดเต็ม 3 ชนิด"Underground Pork (140 บาท)" หมูบดกับพริกย่าง ราดด้วยชีส 3 ชนิด"ร้านเกี๊ยวเฮียล้อ" กับหลากหลายเมนูเกี๊ยวที่มีให้เลือกถึง 13 ไส้ ร้านอยู่ที่โซน Night Market ล็อก 37 ด้านหลังเวที เปิดตั้งแต่เวลา 16.00-21.00 น.(หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-1886-8871เมนูเกี๊ยว ราคาเริ่มต้น 10-25 บาท มีทั้งเกี๊ยวกรรเชียงปู, เกี๊ยวอูนิ, เกี๊ยวไข่เค็ม, เกี๊ยวกุ้ง และอื่นๆ อีกมากมาย"ร้าน Thonggold ปาท่องโก๋ย่าง" ร้านของหวานที่อยากแนะนำ ความพิเศษของร้านนี้คือตัวปาท่องโก๋เขาจะนำไปทอดแล้วเอามาย่างเพื่อไล่น้ำมันอีกครั้ง ทำให้เพิ่มความกรอบของปาท่องโก๋เข้าไปอีก และนอกจากแป้งที่เลือกมาอย่างดีแล้ว ตัว Dipping Sauce มีตั้ง 8 รสชาติให้เลือก ทำสดใหม่ทุกวัน"ปาท่องโก๋ย่าง (ตัวเล็ก เริ่มต้นตัวละ 8 บาท/จัมโบ้ เริ่มต้นตัวละ 23 บาท)""สังขยาใบเตย (23 บาท)""ร้าน Thonggold ปาท่องโก๋ย่าง" อยู่ที่โซน Food Court ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-4268-8299"ร้าน Chef ปลาเผา" ร้านปลาทับทิมเผาร้อนๆ จากจันทบุรีโดยฝีมือเชฟไฟแรงอย่าง 'เชฟบอส' ที่มีรางวัลระดับประเทศมาการันตี และที่สำคัญยังเคยร่วมงานกับเชฟระดับ MICHIELIN Start อีกด้วย จุดเด่นของปลาที่ร้านคือ ปลาต้องฉ่ำ เครื่องหอมเข้าเนื้อ น้ำจิ้มแซ่บ ผักสะอาด ตัวเครื่องสมุนไพรต่างๆ สับละเอียดและปรุงรสยัดไว้ด้านในตัวปลา ตอนทานสามารถควักเครื่องสมุนไพรตัวนี้มาทานได้เลย จะช่วยเพิ่มทั้งสัมผัส รสชาติ และกลิ่นได้ดี ส่วนด้านนอกจะชุบเกลือเกล็ดละเอียดจากสมุทรสาครทำให้มีรสเค็มนัว ไม่เหมือนเกลือสินเธาว์ที่จะเค็มโดด"เมี่ยงปลาทับทิม (เซตละ 250 บาท)""ร้าน Chef ปลาเผา" อยู่ที่โซน Night Market โซน C ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง https://www.facebook.com/Chefplapaw"Foodie Market Bangna" อยู่เยื้องกับเมกาบางนา อยู่ในซอยจรรยวรรธโซน Food Court เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-19.00 น.โซน Liberty เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น.โซน Night Market เปิดตั้งแต่เวลา 17.00-23.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์)

  • มิตรปลาจุ่ม สุกี้ชาบูเพื่อสุขภาพ

    จากเมนูสุดโปรดปรานของคุณตาในวัยเด็กสู่ร้านอาหาร "มิตรปลาจุ่ม" ร้านสุกี้ชาบู เน้นเนื้อปลาสดๆ น้ำจิ้มเด็ด น้ำซุปอร่อย"ร้านมิตรปลาจุ่ม" เกิดจากอาหารที่ครอบครัวของ 'คุณณัฎฐ์' เจ้าของร้าน ทำกินกันเป็นประจำอย่างปลาจุ่ม แล้วทำกินกันประจำที่บ้านคุณตา เวลาทำก็จะเรียกรวมญาติมาเจอกัน คุณณัฎฐ์กินปลาจุ่มฝีมือคุณตามาตั้งแต่เด็กๆ ร้านนี้เลยได้คอนเซ็ปต์มาจากบ้านคุณตา ให้ลูกค้าได้อารมณ์เหมือนแวะมาบ้านผู้ใหญ่ก็เลยเอาส่วนประกอบต่างๆ ในบ้านมาตกแต่ง ทั้งอิฐช่องลม กระเบื้องสีขาวตัดสีเขียว สะอาดสบายตา และเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ความรู้สึกย้อนยุคหน่อยๆ"มิตรปลาจุ่ม" นอกจากจะมาจากชื่อคุณตาแล้ว ยังแปลได้อีกความหมายว่ามิตรสหาย เป็นที่รวมกันของบรรดามิตรทั้งหลาย เพราะเมนูแบบนี้ทานคนเดียวไม่ค่อยอร่อย ต้องมากันเป็นแก๊งค์ เป็นครอบครัว และจุดเด่นของร้านคือเมนูปลาจุ่มเพื่อสุขภาพ เนื้อปลาแล่สด ผักปลอดสาร ปราศจากผงชูรสด้วยความที่ทางร้านเน้นปลาที่สดใหม่จึงหายห่วงเรื่องได้กลิ่นคาวเพราะล้างจนหมดจดและแล่สดเมื่อสั่ง เน้นความหนาให้ลวกสุกพอดีที่ 1 นาทีในน้ำเดือน ก็สามารถทานปลาได้แบบฟินๆ"เซตมิตรเพื่อนพง (ชุดเล็ก 340 บาท/ ชุดใหญ่ 660 บาท)" "เซตมิตรรักทับทิม (ชุดเล็ก 240 บาท/ ชุดใหญ่ 440 บาท)""เซตมิตรรักปลาคัง (ชุดเล็ก 390 บาท/ ชุดใหญ่ 760 บาท)""หมูเด้งสวรรค์""หมูหมักนุ่ม (50 บาท)""เซตหมูและผองเพื่อนตอกไข่"น้ำซุปมีให้เลือกถึง 4 แบบ เป็นเบสสต็อกปลาทุกซุป- ซุปใสสมุนไพร ใส่สมุนไพรไทย ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ผักชีใบเลื่อย ซุปนี้จะคลีนๆ ไม่ปรุงแต่งมาก- ซุปทมิฬ หรือชาบูน้ำดำ ตัวนี้เราจะใช้สต็อกปลาโอ และมีแค่ตัวนี้ที่จะต้องเป็นสต็อกปลาโอเท่านั้น จะออกสไตล์ญี่ปุ่นเค็มนิดๆ เพราะรสเค็มกินกับปลาจะอร่อยกว่า- ซุปเต้าเจี้ยวตามิตร ซุปสูตรของที่บ้านคุุณณัฎฐ์ มีเต้าเจี้ยวอย่างดี พริก กระเทียม รสชาติกึ่งๆ ต้มยำ- ซุปหมาล่า พริกเสฉวน หรือชวงเจีย นำเข้ามาจาก 12 ปันนา ตัวหมาล่าทำเอง นำมาผัดแล้วปรุงรสเพิ่มตัวน้ำจิ้มมีให้เลือกถึง 3 แบบ ทั้งน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรแม่ยาย น้ำจิ้มสุกี้อาเจ็ก และน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวตามิตร จะใช้เต้าเจี้ยวทั้งแบบเม็ดและแบบบดเพื่อให้ได้เนื้อและรสชาติเค็มกำลังดี"ร้านมิตรปลาจุ่ม" อยู่ในโครงการดาดฟ้า ซอยลาซาล 33 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.30-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2106-4342

  • Whispering Cafe คาเฟ่กลางสวน นครปฐม

    มาฟังเสียงกระซิบจากธรรมชาติกันที่ "Whispering Cafe" คาเฟ่กลางสวนในจังหวัดนครปฐมที่ให้อยากทุกคนได้มาสัมผัสกับต้นไม้ ดอกไม้ และที่สำคัญอาหารทุกอย่างปลูกเองแบบไร้สารเคมีWhispering Cafe อยู่บนพื้นที่กว่า 9 ไร่ ที่ถูกเนรมิตให้กลายเป็นคาเฟ่กลางสวนด้วยฝีมือของ 'คุณวิทย์ - ศิริวิทย์ ริ้วบำรุง' ผู้เป็นเจ้าของ Whispering Cafe และนักจัดสวนแถวหน้าของวงการ ผลงานที่หลายๆ คนรู้จักกันก็คือที่ Little Tree Gardenอดีตพื้นที่ของร้านเคยเป็นร่องสวน ปลูกมะม่วง ทำพืชเกษตร พอคุณวิทย์เข้ามาดูแลตกแต่งพื้นที่ในสวนต่างๆ ใหม่ และพี่สาวของคุณวิทย์ก็เปิดโรงเรียนสอนภาษากับศิลปะให้กับเด็กๆ ทำให้มีผู้ปกครองมารอเด็กๆ ซึ่งผู้ปกครองก็ชื่นชอบจะมารอในพื้นที่ของโรงเรียน คุณวิทย์จึงเกิดไอเดียถ้ามีที่ให้ผู้ปกครองนั่งเล่น มีอาหาร เครื่องดื่มให้ทานก็น่าจะดี จึงเกิดเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ จากการทำอาหารเพียงไม่กี่อย่างจนเพิ่มมาเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเมนูที่ทำทานกันอยู่แล้วในครอบครัว และแต่ก่อนจะมาเป็นชื่อ Whispering Cafe คนจะรู้จักกันในชืื่อ Whispering Land พอมาทำคาเฟ่จึงเปลี่ยนชื่อใหม่ให้เข้ากันนอกจากที่นี่จะเป็นคาเฟ่กลางสวนแล้วยังมีกิจกรรม Workshop เล็กๆ ที่ให้ทุกคนได้มาร่วมกิจกรรม ทั้งงานศิลปะเรียงดอกไม้บนผ้า หรือ Flower Mandala และการทำขนมตางๆ หากใครสนใจร่วมกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้สามารถเข้ามาสอบถามกับบางร้านก่อนได้"Whispering Salad" ใช้ผักสลัดอินทรีย์ แอปเปิลออร์แกนิค Pine Nuts หรือถั่วเม็ดสน ลำไยแห้ง กระบก ตะขบและไข่เป็ดจากสวน ส่วนน้ำสลัดจะมีตะไคร้ ใบเตย ขิง และมะปี๊ดจากสวน"Salt and Peppercorn Prawns" เมนูกุ้งทอดที่เลือกใช้แป้งข้าวเจ้าหอมมะลิอินทรีย์ ค่อยๆ ทอดให้เหลืองกรอบ แล้วโรยด้วยพริกเกลือที่คั่วใหม่และเมล็ดมะตูมแขก"แกงส้มมะละกอ และข้าวไข่เจียวดอกโสน" ดอกโสน เมนูตามฤดูกาลของช่วงนี้  และแกงส้มสูตรคุณยายของคุณวิทย์โดยใช้มะละกอจากในสวน ทานคู่กับข้าวหอมมะลิอินทรีย์"คาเปลลินีไส้อั่ว" เมนูวีแกนฟิวชั่น เมนูนี้ใช้ทั้งไส้อั่วและน้ำพริกหนุ่มโฮมเมด ใส่เสริมด้วยใบแมงลักปิดท้ายด้วยของหวานอย่าง "เค้กมะปี๊ด" และ "แครอทเค้ก"ตามมาทานอาหารอร่อยๆ วัตถุดิบปลอดภัยจากธรรมชาติ ปลูกเอง ปรุงเอง กันได้ที่ "ร้าน Whispering Cafe" อยู่ที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม ร้านเปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-2429-4229

  • Nivas Cafe and Bistro ร้านอาหารไทยรสจัดจ้าน

    "นิวาส Nivas Cafe and Bistro" คาเฟ่และร้านอาหารสไตล์ไทยที่มีทั้งอาหารไทยแท้ ไทยประยุกต์ ไทยท้องถิ่น ซึ่งได้ 'เชฟหนุ่ม ธนินทร' เจ้าของมิชลินสตาร์ 1 ดาว มาช่วยให้คำปรึกษากับที่ร้าน และ 'เชฟป๊อป พิชชกร' การันตีด้วยรางวัลและประสบการณ์เพียบ"แกงเหลือกุ้งสดมังคุดคัด (350 บาท)" เมนูสุดพิเศษ ด้วยน้ำแกงที่เข้มข้นจากพริกแกงเหลือซึ่งทางร้านโขลกเอง และมังคุดคัดส่งตรงมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช "ยำถั่วพูกุ้งแม่น้ำเผา (220 บาท)" เมนูเรียกน้ำย่อย หอมกุ้งแม่น้ำย่างเตาถ่าน"รวนพะโล้ไข่เค็ม (220 บาท)" ใช้หมูสามชั้นคุณภาพดี รวนกับเครื่องสามเกลอ และในน้ำพะโล้จะผสมไข่เค็มลงไปด้วยทำให้ได้ความเข้มข้นมากขึ้น"ผัดไทยไชยา (180 บาท)" เมนูนี้ทางเชฟปรุงซอสผัดไทยขึ้นมาเอง ทานคู่กับไข่เค็มไชยา"แกงเขียวหวานไก่กับโรตี (220 บาท)" ทีเด็ดอยู่ที่พริกแกงที่โขลกเอง รับประกันความหอมตามมาอิ่มอร่อยกันได้ที่ร้าน "นิวาส Nivas Cafe and Bistro" อยู่ที่ซอยนาคนิวาส 24 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-00.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-6868-8951

  • ฮิมกีข้าวขาหมูในน้ำมะพร้าว

    "ฮิมกีข้าวขาหมูในน้ำมะพร้าว" ขาหมูสูตรจีนแต้จิ๋วโดยจะตุ๋นขาหมูกับน้ำมะพร้าวและเครื่องยาจีน 13 ชนิด น้ำมะพร้าวจะทำให้ขาหมูเนื้อนุ่ม หอม ได้กลิ่นทั้งมะพร้าวและกลิ่นเครื่องยาจีน รสชาติอร่อยกลมกล่อมไม่ธรรมดาเพราะสูตรนี้สืบทอดมาจากบรรพบุรุษซึ่งเป็นเชฟจากเมืองจีนแท้ๆ และความมันจะน้อยกว่าข้าวขาหมูแบบทั่วไปอีกด้วย"ข้าวขาหมูเนื้อหนัง (เริ่มต้น 40 บาท)" จะใช้ขาหมูส่วนของขาหลัง นำไปต้มก่อนแล้วค่อยทอดเพื่อรีดน้ำมันออกจะทำให้หนังนุ่ม ฟู จากนั้นค่อยนำไปตุ๋นต่ออีก 3 ชั่วโมง และเครื่องเคียงอย่างผักกาดดองที่ร้านก็ทำเอง "ไส้พะโล้ (จานละ 50-100 บาท)" ไม่เหนียว นุ่ม ไม่มีกลิ่น โดยทางร้านจะใช้ส่วนของหัวไส้ซึ่งจะมีความหนา นำไปตุ๋นในน้ำซุปขาหมูกว่า 2 ชั่วโมง ทำให้รสชาติน้ำซุปซึมเข้าไปในไส้เลย"คากิ (80 บาท)" เมนูไฮไลท์ของร้าน ตุ๋นจนเข้าเนื้อเปื่อยนุ่ม"ร้านฮิมกีข้าวขาหมูในน้ำมะพร้าว" อยู่ที่ถนนเลียบคลอง 2 ซอย 14 ใกล้แยกซาฟารีเวิลด์ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. (หยุดทุกวันที่ 16 ของเดือน) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-6331-3283

  • Cave Beach Club

    อีกหนึ่งร้านในพัทยาที่ไม่มาถือว่าเอาท์ "Cave Beach Club" ที่ตกแต่งแบบเมดิเตอร์เรเนียน สไตล์ชนเผ่าชาวเกาะ ยิ่งมาถ่ายรูปช่วงบรรยากาศแสงสุดท้ายของวันจะยิ่งสวยมากๆ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ภายในร้านก็เป็นงานฝีมือชนเผ่าจากทั่วโลก บางชิ้นก็นำเข้ามาจากอเมริกาใต้ หรือ South Africa ด้วยภายในร้านจะแบ่งออกเป็นโซน Restaurant, Cafe and Bar และโซน Fine Dining ส่วนเรื่องอาหารอร่อยแน่นอน เพราะใช้ครัวเดียวกับ The Glass House แต่ทางร้านก็จะมีเมนูพิเศษเฉพาะที่ Cave Beach Club อีกด้วย"ปลาอินทรีย์ล่องใต้ (240 บาท)" ใช้ปลาอินทรีย์ไซส์ใหญ่ส่งตรงจากทะเลไทย นำมาปรุงกับเครื่องแกงใต้ใส่ใบชะพลูเพื่อเพิ่มความหอม"ทะเลลาวา (290 บาท)" เมนูนี้จะคล้ายกับปลาหมึกผัดไข่เค็ม มีทั้งกุ้ง ปลาหมึก หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์"แกงคั่วแซลมอนย่างไข่เค็ม (390 บาท)" ทางร้านใช้พริกแกงคั่วสูตรพิเศษ และใส่ไข่เค็มลงไปตอนทำน้ำแกง เพื่อให้ได้ทั้งรสชาติที่มันและเค็ม ส่วนปลาแซลมอนก็มาจากนอร์เวย์เลย"พล่ากุ้งหมูสับ (260 บาท)" เป็นพล่ากุ้งสูตรโบราณของทางร้าน แต่เพิ่มความพิเศษด้วยการใส่หมูสับ เมนูนี้จะหอมสมุนไพรมาก"ร้าน Cave Beach Club" อยู่ที่ซอยนาจอมเทียน 10 สอบถามเพิ่มเติม เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-23.00 น. โทร. 08-3825-8283

  • ราชารส ก๋วยเตี๋ยวเรือระดับมิชลินไกด์

    "ราชารส" ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือฟิวชั่นรสจัดจ้านที่ใช้เนื้อวากิวนำเข้าจากญี่ปุ่นและออสเตรเลีย การันตีความอร่อยระดับมิชลินไกด์ เป็นก๋วยเตี๋ยวที่ได้รับการผสมผสานระหว่างก๋วยเตี๋ยวแบบไทยและเนื้อนำเข้า ทำให้หลายคนติดใจจนต้องมาเปิดสาขาเพิ่มที่สาธุประดิาฐ์โดยสาขาแรกเปิดอยู่ที่นิมมาน จ.เชียงใหม่ "ก๋วยเตี๋ยวเนื้อวากิว (119 บาท)" ใช้เนื้อวากิวระดับพรีเมี่ยม ชิ้นใหญ่ เมนูนี้เวลาเสิร์ฟจะเสิร์ฟแยกน้ำซุปมาให้ราดเองตอนทาน ทำให้ได้ระดับความสุกของเนื้อที่กำลังพอดี นุ่ม ละลายในปาก"ก๋วยเตี๋ยวหมูคุโรบูตะ (59 บาท)" ใช้เนื้อหมูคุโรบูตะเกรดพรีเมี่ยม นำมาสไลด์ชิ้นใหญ่พอดีคำสำหรับใครที่มาเป็นครอบครัวหรือมากับเพื่อนหลายคน สามารถสั่งเป็นแบบเซตใหญ่ได้อย่างเมนู "หม้อไฟ (ชุดผัก 99 บาท, เนื้อวากิว 99 บาท)" สามารถเลือกได้ทั้งเนื้อและหมูนอกจากนี้ยังมีของเมนูทานเล่นมากมาย อาทิเช่น "ลูกชิ้นเอ็นหมู (29 บาท)" , "ลูกชิ้นเอ็นเนื้อ (39 บาท)" , "เกี๊ยวหมูเด้ง (49 บาท)" "ร้านราชารส" อยู่ที่ซอยสาธุประดิษฐ์ 49 ตรงข้าม Jade Praise Sathorn - Rama 3 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-1687-8877

  • น่ำเทียน ภัตตาคารจีนอาหารจานเดียวย่านอ่อนนุช

    อีกหนึ่งร้านเด็ดย่านอ่อนนุช " ร้านน่ำเทียน By Khanta" ที่มีตำนานความอร่อยกว่า 80 ปี ตำนานสูตรความอร่อยของทางร้านมาจากอากงที่เป็นกุ๊กอยู่ที่ภัตตาคารอาหารจีนในกรุงเทพ แล้วย้ายไปเปิดร้านของตัวเองที่ จ.เพชรบุรี เปิดมานานถึง 80 ปี ส่วนที่อ่อนนุชเปิดมาได้ประมาณ 5 ปีชื่อร้าน "น่ำเทียน By Khanta" มาจากคำว่า "น่ำเทียน" ที่แปลว่า แสงแห่งทางใต้ ที่มาของชื่อมาจากตอนไปเปิดร้านที่ จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นเส้นทางลงใต้ และคำว่า "กันตะ" มาจากชื่อของเจ้าของร้านนั่นเอง อาหารในร้านจะเป็นอาหารเหลาที่ถูกย่อส่วนมาเป็นอาหารจานเดียวที่สามารถจับต้องได้"บะหมี่หน้าไก่" เมนูนี้ทางร้านจะเอาเส้นบะหมี่ไปลวก แล้วราดด้วยน้ำซอส น้ำซอสจะมีรสชาติหวานนำเค็มตาม คล้ายๆ เมนูน้ำแดง"โกยซีหมี่" ทางร้านจะใช้บะหมี่ไข่สูตรของครอบครัว ตัวเส้นจะเล็ก เหนียว เอามาผัดจนกรอบ หอม และราดด้วยน้ำโกยซีหมี่ที่มีหน่อไม้และไก่ เมนูนี้แนะนำให้ใส่จิ๊กโฉ่วลงไปด้วยเพื่อเพิ่มความอร่อย"บะหมี่ผัดแห้งปู" ความอร่อยของเมนูนี้อยู่ที่การคั่ว โดยจะคั่วเส้นจนกรอบแล้วมาผัดกับซอสสูตรของทางร้านจนหอม"แฮกึ๋น" เมนูห้ามพลาด ทำมาจากกุ้งสับและฟองเต้าหู้เกรดพิเศษ ทั้งบางและฟูกรอบมากตามมาอิ่มอร่อยกับร้านอาหารจีนสไตล์กวางตุ้งได้ที่ "ร้านน่ำเทียน By Khanta" อยู่ใกล้ซอยอ่อนนุช 17 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-6547-7677

  • Arteasia Light Garden คาเฟ่ลับๆ ย่านเยาวราช

    "Arteasia Light Garden" คาเฟ่ลับๆ บนถนนทรงวาดย่านเยาวราชที่เนรมิตตึกเก่าอายุกว่า 109 ปีให้กลายเป็นเหมือน Light Art Gallery ที่ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็สวยไปหมดคาเฟ่แห่งนี้ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกัน เน้นวัสดุทรงเหลี่ยม ตกแต่งด้วยแสงไฟสวยๆ ทำให้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความเป็นไทย-จีน โดยมุมไฮไลท์ของร้านก็คืองานศิลปะกระจก 8 ชั้น รวมไปถึงหน้าต่างทุกบานจะประดับด้วยกระจกหลากสี ทำให้เกิดแสงสีที่มีมิติทั่วทั้งร้าน ส่วนอาหารก็จะเป็นอาหารจานเดียวแนวไทยประยุกต์เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของร้าน"Arteasia Afternoon Tea Set (690 บาท)" เซตของว่างไทยโบราณยามบ่ายที่มีทั้งขนมค้างคาวเผือก, ข้าวตังหน้าตั้งน้ำพริกอ่อง, เมี่ยงใบชะพลูกุ้งสด และแตงโมปลาแห้ง"ข้าวหน้าเนื้อตุ๋นกะทิน้ำพริกข่า ไข่ต้มยางมะตูม (320 บาท)" ทางร้านใช้เนื้อลายไปตุ๋นกับซอสปรุงรสต่างๆ เคี่ยวนาน 1 ชั่วโมงจนเนื้อนุ่ม ทานคู่กับน้ำพริกข่าสูตรของทางร้าน"ข้าวไก่ทอดซอสเบคอนหวาน ไข่ยางมะตูม (270 บาท)""หมูครึ่งแดด (250 บาท)" ใช้หมูสันนอกมาหมักกับซอสปรุงรสจนเข้าเนื้อ แล้วนำไปตากแดดแค่แปบเดียว เนื้อหมูจะนุ่ม ไม่แห้งจนเกินไป"Vangogh's Night (175 บาท)" เป็นม็อกเทล 3 ชั้น ด้านล่างเป็นน้ำอัญชัน น้ำมะนาว และท็อปด้วยชาแอปเปิ้ลผสมสตรอว์เบอร์รี"Mucha's Flower" ชาแอปเปิ้ลผสมมสตรอว์เบอร์รีปิดท้ายด้วยเมนูของหวานอย่าง "Earl Grey Crofel (180 บาท)" ตัววาฟเฟิลทำมาจากแป้งครัวซองต์ หอมเนย ทานคู่กับครีมซอส Earl Grey และไอศกรีมวานิลลาตามหาร้านลับสวยๆ กันได้ที่ "Arteasia Light Garden" เลขที่ 947 ถนนทรงวาด ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 14.00-23.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-4659-6653

  • Hybe Songwat สัมผัสการเดินทางแบบใหม่ผ่านอาหาร

    อีกหนึ่งร้านลับที่ซ่อนตัวอยู่บนถนนทรงวาด เรียกว่าเป็น Hidden Place ของจริงกับ "Hybe Songwat" ร้านเล็กๆ ที่เสิร์ฟความประทับใจผ่านอาหารสไตล์ Casual Dining และเมื่อก้าวเข้ามาภายในร้านก็จะได้สัมผัสทั้งรูป รส กลิ่น เสียง และบรรยากาศที่คลาสสิกสุดๆอาหารของที่ร้านเป็นสไตล์ Casual Dining ที่ตั้งใจให้ทุกคนมาทานอาหารกันในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย โดยนำเอาประสบการณ์ที่เคยไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ มาเป็นแรงบันดาลใจในการนำเสนอออกมาในรูปแบบของอาหาร ผ่านคอนเซ็ปต์ Journeys Inspired Modern Sensory Cuisines ผ่านสัมผัสทั้ง 5 คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ให้ทุกคนได้เดินทางไปพร้อมกันผ่านตัวอาหารอาหารของทางร้านจะเสิร์ฟเป็นคอร์ส ราคาคอร์สละ 2,190 บาท จะประกอบด้วย 7 จานหลัก โดยธีมอาหารของทางร้านจะถูกเปลี่ยนไปทุกๆ 4-5 เดือน ตามการเดินทางในแต่ละช่วงของเจ้าของร้านเพื่อรังสรรค์อาหารแบบใหม่ๆ ออกมา โดยครั้งนี้มาในธีม ละ-เบ๋อ-ลา-โทร-รี่ มาจากคำว่า ละเบ๋อ เป็นคำสร้อยของชาวอีสาน ซึ่งเจ้าของร้านมองว่าน่ารักดีจึงยกเอาคำนี้เป็นคำอธิบายความหมายของคอร์สนี้ และคำว่า ลาโทรี่ มาจาก Laboratory ที่แปลว่า ห้องทดลอง ซึ่งนอกจากจะออกเสียงคล้ายคำว่าละเบ๋อแล้ว ยังสื่อถึงว่าอาหารทุกอย่างของที่ร้านได้ผ่านการทดลอง ทำผิด ทำถูก และเลือกสิ่งที่ดีที่สุดมาให้คนทุกแล้ว หรือเรียกว่าเป็น Tasting Menu ที่ทุกจานมีความพิเศษและมีเรื่องราว"กินหมาก" หรือ Amuse-Bouche เมนูเรียกน้ำย่อยเพื่อเปิดต่อมรับรสของคอร์สนี้ ซึ่งจะเสิร์ฟก่อนเข้าคอร์สหลัก โดยทำจำลองหมากพลูที่คนไทยเคยทานในสมัยก่อน ในจานจะมีไม้ พลู หมาก ซึ่งไม้คือแครกเกอร์ข้าวคั่วไส้ตับบด พลูคือใบชะพลูย่างไฟ ด้านในเป็นน้ำพริกมะเขือกับข้าวเหนียว ส่วนหมากคือทาร์ตแจ่วและซอสมะเขือเทศ"ขุดดิน" เมนู Appetizers ได้แรงบันดาลใจมาจากดินที่เจ้าของร้านได้ไปทานมันหวานเผาจากชาวบ้าน เป็นมันหวานที่ปลูกแบบธรรมชาติ ไม่มีการใช้สารใดๆ จึงอยากเพิ่มมูลค่าให้กับมันหวานจนเกิดเป็นเมนูจานนี้ขึ้นมา โดยเมนูนี้จะใช้ริซอตโต้มันหวานที่มีเบสเป็นกะทิ ใบมะกรูด แป้งข้าวเจ้าผสมผงชาโคลเทมปุระและโฟมมันหวาน ท็อปด้วยผักเม็กซึ่งเป็นผักพื้นบ้านของอีสาน"แกงเปรอะบ้านไฮบ" เป็น Pre-Main Course ใช้ปลาแม่น้ำตามฤดูกาลมากงฟีหรือตุ๋นกับน้ำมันโดยใช้อุณหภูมิต่ำ ผสมกับฟักทองต้มกับน้ำแกงเประที่ใช้ใบย่านางและข้าวเบือ ซึ่งข้าวเบือก็คือข้าวเหนียวแช่น้ำ เป็นเทคนิคเพิ่มความข้นหนืดให้อาหารแบบสไตล์ชาวอีสาน เพิ่มกลิ่นหอมด้วยใบแมงลักออย ใบแมงลักทอดกรอบ และเพิ่มความนัวให้จานนี้ด้วยปลาร้า"ไก่ดำ" Main Course ที่นำไก่ไปตุ๋นกับใบชะมวง หอมใหญ่ ส้มแขก เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวฮางงอกขาวและดำปิดท้ายคอร์สด้วยของหวานอย่าง "กล้วยบวชชี" ในจานประกอบไปด้วยเมอแรงก์ กล้วยน้ำว้า กะบก แยมส้มจี๊ด และครีมกล้วยบวชชี เพราะที่สกลนครทุกบ้านจะปลูกกล้วยกัน เจ้าของร้านจึงเลือกให้เมนูนี้เป็นของหวานสำหรับคอร์สนี้มาสัมผัสประสบการณ์พิเศษแบบนี้ได้ที่ "Hybe Songwat" อยู่ที่ตรอกสะพานญวน ถนนทรงวาด ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 19.00-23.00 น. (หยุดวันอังคาร) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2120-7789 จองคอร์สผ่าน Line@ เท่านั้น Line@: @hybesongwat

  • Paknang (ปากนัง) ร้านอาหารใต้สูตรปากพนังย่านอารีย์

    เปรี้ยวปากชวนทุกคนมาลิ้มลองอาหารใต้สูตรต้นตำรับที่ "Paknang (ปากนัง)" ร้านอาหารใต้ชิคๆ ย่านอารีย์ที่สืบทอดความอร่อยมาจากสูตรของครอบครัว ซึ่งจะมีรสชาติที่จัดจ้าน เผ็ด ถึงรสชาติของพริกแกงที่มาของชื่อร้าน "Paknang (ปากนัง)"  นั้นมาจากคำว่า ปากพนัง ซึ่งเป็นการกร่อนเสียงสำเนียงของคนใต้ และอาหารของที่ร้านสืบทอดมาจากสูตรของคุณยายมูล ซึ่งเป็นอาหารใต้แท้ๆ แบบ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราชการออกแบบร้านเป็นสไตล์คาเฟ่แนววินเทจยุค 60 โดยใช้สตอรี่เกี่ยวกับคุณยายมูล และวิวของปากพนังด้วย"น้ำพริกสามสหาย (350 บาท)" น้ำพริกสูตรเด็ดของคุณยายมูล มีทั้งน้ำพริกกะปิที่ใช้กะปิจากระนอง น้ำพริกหยำกุ้ง และน้ำพริกไตปลาแห้ง เสิร์ฟมาพร้อมกับผักสด ผักต้ม ผักทอด ปลาทูทอด และไข่ต้มยางมะตูม"ผัดวุ้นเส้นทับทิมสยามกุ้งสับกระเทียมดอง (240 บาท)" ทางร้านเอาวุ้นเส้นไปแช่กับน้ำบีทรูทเพื่อให้ได้เส้นสีชมพูคล้ายกับส้มโอทับทิมสยามที่เป็นส้มโอของปากพนัง จากนั้นนำมาผัดใส่กุ้งสับ ดอกขจร และกระเทียมดอง"ผัดพริกเหลืองปู (480 บาท)" ใช้เนื้อปูก้อนที่ส่งตรงมาจากสุราษฎร์ธานี"หมี่ปากนัง (220 บาท)" อาหารท้องถิ่นของปากพนัง จะใช้เส้นเล็กผัดกับเครื่องแกงสูตรพิเศษของร้าน ทานคู่กับกุ้งฆอและ มะม่วงเบาซอย ถั่วงอกและใบบัวบก"แกงพริกปากนังปลาทราย (250 บาท)" เมนูนี้ใช้พริกแกงตำเอง เครื่องแกงจะหอมสมุนไพร เผ็ดร้อน แกงแบบน้ำขลุกขลิก ใช้ปลาทรายขาวมาแกง และใส่ใบยี่หร่าตามรอยความอร่อยกันได้ที่ "ร้าน Paknang" อยู่ใกล้ซอยอารีย์ 5 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-8822-1450

  • DAI LOU ร้านอาหารจีนสไตล์ฮ่องกงซอยราชครู

    ปักหมุดร้านอร่อยระดับมิชลินไกด์ที่ "ร้าน DAI LOU (ไต่-โหล)" ร้านอาหารจีนสไตล์ฮ่องกงที่นำเสนอออกมาในรูปแบบทาปาส ทานง่าย สวยงาม และอร่อย ใครได้ชิมเป็นต้องติดใจในรสชาติอย่างแน่นอน"DAI LOU" แปลว่า รุ่นใหญ่ ในภาษาจีนกวางตุ้ง และเพียงก้าวเข้าไปในร้านก็รู้สึกถึงความสุขุม นุ่มลึกจากโทนสีน้ำเงินของการตกแต่งร้าน ส่วนอาหารก็เป็นสไตล์ Modern Chinese Tapas แต่ยังคงรสชาติความอร่อยตามฉบับอาหารจีน การันตีความอร่อยจาก 'มิชลินไกด์ ในหมวดมิชลินเพลท 2021' เป็นร้านอาหารคุณภาพดี ที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่และปรุงอย่างพิถีพิถันเริ่มด้วยเมนูแนะนำจากมิชลินไกด์ "หอยเชลล์แมนดาริน (250 บาท)" ด้านในเป็นเนื้อส้มคลุกกับน้ำสลัดครีม ด้านบนท็อปด้วยหอยเชลล์ คลุกเคล้ากับพริกจีนและสมุนไพร โรยหน้าด้วยขนมเปลือกส้มอีกทีอีกหนึ่งเมนูมิชลินไกด์ "ขนมผักกาดเอ็กซ์ตร้าโอลด์คอนญัก (150 บาท)" เมนูนี้ทางร้านทำขนมผักกาดเอง โดยนำไปเจียในน้ำมันและนำมาผัดกับซอส XO ที่ทางร้านทำเองเช่นกัน"หมูกรอบวานไฉ (220 บาท)" เมนูขายดีประจำร้านที่จะใช้การย่างแทนการทอดตามสูตรของฮ่องกง เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มหวานจากน้ำผึ้ง"ซุปเสฉวน (320 บาท)" ทางร้านทำพริกเสฉวนเอง ในชามนี้จะมีทั้งเห็ดหอม หอยเชลล์ และต้าหู้คินุหั่นเส้น"ปลาเก๋าเช็กแลปก๊อก (320 บาท)" ชื่อเมนูนี้มาจากชื่อสนามบินฮ่องกง อีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญ เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสซีอิ๊วสูตรดั้งเดิมและเส้นใหญ่ทอดกรอบปิดท้ายด้วยของหวานที่ต้องห้ามพลาด "พายเต้าทึงแปดเซียน (120 บาท)" ไส้ด้านในมีทั้งรากบัว พุทราจีน และแปะก๊วย อบใหม่ๆ ชิ้นต่อชิ้นเลยมาชิมอาหารจีนสไตล์ฮ่องกงการันตีระดับมิชลินไกด์กันได้ที่ "ร้าน DAI LOU (ไต่-โหล)" อยู่ที่ซอยพหลโยธิน 5 หรือซอยราชครู ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2103-6566

  • ข้าวต้มปลาหมอภูมิ ร้านข้าวต้มซีฟู้ดเจ้าดังย่านลาซาล

    "ร้านข้าวต้มปลาหมอภูมิ" ร้านข้าวต้มย่านลาซาลที่เลือกใช้ปลากะพงทะเลที่ตกจากเบ็ดเท่านั้น ทำให้คงความสดเอาไว้ได้ดี เนื้อปลากะพงทั้งขาว ชิ้นอวบ เนื้อแน่นมากทุกเมนูทางร้านคัดสรรวัตถุดิบที่ใช้มาอย่างดี มีคุณภาพ ปลากะพงที่เลือกใช้ก็เป็นปลากะพงทะเลน้ำลึกขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัมขึ้นไป เนื้อแน่นนุ่มและจะมีคอลลาเจน เป็นปลาที่ไม่ได้ใช้อวนลากแต่ตกได้จากเบ็ดเท่านั้น เพื่อให้คงความสดเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีซีฟู้ดอื่นๆ อย่างกุ้ง หมึก หอยนางรมนิวซีแลนด์ ที่มั่นใจได้ในความสดใหม่ ยังมีน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวเค็มที่เด็ดไม่แพ้กัน เสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวต้มให้ปรุงรสเพิ่มได้ตามใจชอบ"ข้าวต้มแห้งรวมมิตรทะเลซีฟู้ด (170 บาท)" เนื้อปลากะพงทะเลคัดพิเศษ เนื้อนุ่ม ไม่มีเอ็นแทรก หอมกลิ่นทะเล และพิเศษสุดคือมีไข่ปลากะพงมาให้ด้วย นอกจากนี้ยังมีกุ้ง หมึก ทานพร้อมกับน้ำซุปร้อนๆ ที่เสิร์ฟมาคู่กัน"ข้าวต้มแห้งคอมโบ้หมูคุโรบูตะ (150 บาท)" รวมสารพัดหมู ทั้งหมูเด้งโฮมเมด ซี่โครงหมูอบ กระเพาะหมูตุ๋นตือโต๋ว ตับหมูนุ่ม และทีเด็ดของร้านเลยก็คือสตูว์หมูบะเต็งหรือหมูเคี่ยวซีอิ๊ว ราดด้วยน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวสามรส เปรี้ยว เผ็ด เค็ม กำลังดีนอกจากเมนูข้าวต้มแห้งแล้ว ทางร้านยังมีเมนูทานเล่นที่อร่อยไม่แพ้กันอย่าง "แฮ่กึ๊นกุ้ง" ที่ใส่เนื้อกุ้งมาแบบเน้นๆ เต็มคำและอีกหนึ่งเมนูขายดีที่ห้ามพลาด "ปีกไก่ทอดน้ำปลา (89 บาท)" ตามมาทานข้าวต้มร้อนๆ อร่อยๆ กันได้ที่ "ร้านข้าวต้มหมอภูมิ" อยู่ที่ถนนลาซาล ใกล้โรงพยาบาลศิครินทร์ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-4557-3510

  • เจ๊อิม ก๋วยเตี๋ยวหลอดโบราณ

    "ร้านเจ๊อิม ก๋วยเตี๋ยวหลอดโบราณ" ที่มีไอเทมลับอย่าง 'ทอดมันปลาอินทรีย์' ใส่ลงไปในก๋วยเตี๋ยวหลอดด้วย เพราะก๋วยเตี๋ยวหลอดโบราณจริงๆ จะต้องใส่ทอดมัน เวลาที่ทานจะเข้ากันมากเหมือนเวลาทานก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น ซึ่งตัวทอดมันเด็ดมากจนหมดก่อนก๋วยเตี๋ยวหลอดซะอีกเดิมทีร้านเจ๊อิม ก๋วยเตี๋ยวหลอดโบราณ เคยเป็นโรงงานทำเส้นก๋วยเตี๋ยวหลอดแถวพระโขนง แต่สูตรก๋วยเตี๋ยวหลอดนั้นสืบทอดกันมาในตระกูลกว่า 40 ปีแล้ว และเป็นสูตรโบราณที่ใส่ทอดมันอีกด้วยเริ่มด้วยเมนูซิกเนเจอร์ของร้านอย่าง "ก๋วยเตี๋ยวหลอดโบราณ ทอดมันปลาอินทรีย์ (60 บาท)" เส้นก๋วยเตี๋ยวหลอดเหนียวนุ่ม และได้รสชาติหวานมันจากกุ้งแห้งที่ผสมมาในเส้นด้วย"หมูแดงฮ่องกง (60 บาท/ ราดข้าว+ไข่ดาว 69 บาท)" หมูสันคอชิ้นหนา หมักด้วยซอสฮอยซินจนเข้าเนื้อ ทีเด็ดอยู่ที่น้ำซอสหมูแดง ราดมาฉ่ำๆ หมอกลิ่นเต้าเจี้ยว จะสั่งมาทานเป็นจานเดี่ยวหรือสั่งเป็นท็อปปิ้งก๋วยเตี๋ยวหลอดก็ได้เมนูที่หลายๆ คนคุ้นเคย "ไก่ทอดเจ๊อิม (45 บาท)" ต้องทานตอนร้อนๆ หนังกรอบแต่เนื้อด้านในยังฉ่ำ โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียวกรอบๆ"บักกุ๊ดเต๋สูตรสิงคโปร์ ซุปใส (79 บาท)" สูตรแต้จิ๋วสิงคโปร์แท้ๆ ใช้ซี่โครงหมูไซส์ใหญ่ตุ๋นกับน้ำซุปใสที่ปรุงด้วยพริกไทย กระเทียม และซอสปรุงรส จนเนื้อซี่โครงเปื่อยกำลังดีเมนูก๋วยเตี๋ยวหลอดโบราณหาทานยากแบบนี้ จะเด็กหรือผู้ใหญ่ทานรับรองว่าถูกใจแน่นอนกับ "ร้านเจ๊อิม ก๋วยเตี๋ยวหลอดโบราณ" อยู่ที่ซอยสรงประภา 12 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-3959-6664

  • Chufang คาเฟ่สไตล์จีนย่านจุฬาฯ

    ไม่ว่าจะมา จุฬา-สามย่าน กี่ครั้งก็มีอะไรอินเทรนด์อยู่ตลอด วันนี้เปรี้ยวปากจึงพาทุกคนมาที่ "ร้าน Chufang (ฉูฝาง)" อยู่ในโครงการดราก้อนทาวน์ แลนด์มาร์คใหม่สไตล์จีนโบราณผสมผสานความเป็นโปรตุเกสที่กำลังดังในโซเชียลที่มาของชื่อร้าน "Chufang (ฉูฝาง)" นั้นมาจากภาษาจีนที่แปลว่า 'ห้องครัว' โดยที่แต่ก่อนตึกของร้านด้านบนเป็นที่พักจึงอยากให้ร้านมีความรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน และพอเป็นร้านอาหารจึงอยากให้ร้านกลายเป็นห้องครัวของบ้านเมนูของที่ร้านจะเน้นเป็นเมนูข้าวอบต่างๆ ที่เป็นสูตรสืบทอดมาจากอาม่าของเจ้าของร้าน หรือถ้าใครชอบทานเส้นก็มีเมนูเส้นให้เลือกอีกด้วย"ข้าวอบสะโพกไก่ (89 บาท)" ใช้สะโพกไก่มาปรุงรสด้วยสามเกลอและเครื่องปรุงต่างๆ ตุ๋นประมาณชั่วโมงครึ่งจนได้เนื้อที่นุ่มชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ ราดด้วยซอสสูตรของทางร้าน"ข้าวอบซี่โครงหมู (99 บาท)" ตุ๋นด้วยซอสสูตรของอาม่า เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ ซึ่งทุกเมนูก่อนเสิร์ฟจะนำไปอบพร้อมกับข้าวประมาณ 5-7 นาทีก่อนเสิร์ฟ"ตัน ตัน เมี่ยน (108 บาท)" เส้นบะหมี่ที่ใช้เป็นเส้นแบบแบนหนึบหนับ เสิร์ฟพร้อมกับไข่แดงและซี่โครงหมูอบมาแบบเปื่อย ราดด้วยซอสปรุงรสหม่าล่าและเมนูทานเล่นที่หาทานยากอย่าง "ฝันโก๋ (ชุดละ 39 บาท/ เพิ่มชีส 15 บาท)" ติ่มซำสไตล์แต้จิ๋ว ข้างในเป็นไส้หมู มีแป้งทั้งหมด 3 สี 3 รสชาติ ออริจินัล ฟักทอง และมันม่วงมาทานอาหารจีนอร่อยๆ และถ่ายรูปสวยๆ ไว้เปลี่ยนโปรไฟล์ มากันได้ที่ "ร้าน Chufang" อยู่ที่ซอยจุฬาฯ 5 อยู่หลังศาลเจ้าโครงการดราก้อนทาวน์ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. (หยุดวันอังคาร) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-4447-9963

  • ตงยี หอยทอดยอดแหลม

    อีกหนึ่งร้านรีวิวแน่นในซอยยศเส "ร้านตงยี หอยทอดยอดแหลม" กับสูตรหอยทอดจากอากงที่สืบทอดมานานกว่า 70 ปี ความอร่อยของหอยทอดที่ร้านอยู่ที่แป้ง ความฟู และกรอบ โดยน้ำมันที่ใช้ทอดจะใช้เป็นน้ำมันปาล์มหรือน้ำมันรำข้าวที่มาของชื่อร้าน 'ตงยี' เป็นชื่อของอากงของเจ้าของร้านที่เป็นเจ้าของสูตรหอยทอด ส่วนคำว่ายอดแหลมนั้น มาจากแต่ก่อนอากงเปิดร้านอยู่ที่นครปฐม ถ้าพูดว่ายอดแหลม ชาวนครปฐมจะรู้จักกันดีว่าหมายถึง องค์พระปฐมเจดีย์ จึงนำเอามาตั้งเป็นชื่อร้าน"ตงยีทะเลรวมมิตร (80 บาท)" ทีเด็ดอยู่ที่แป้งอย่างที่พี่จอยบอก ทางร้านจะตีแป้งใหม่ทุก 3 ชั่วโมง ทอดไฟแรงแบบกรอบนอกนุ่มใน และจัดเต็มซีฟู้ดไซส์ใหญ่มาให้ ทั้งกุ้ง หอยนางรม หมึก ทานคู่กับน้ำจิ้มซอสพริกสูตรของทางร้าน"ออลั่วะหอยแมลงภู่ (60 บาท)" เมนูนี้ต่างจากจานอื่นตรงที่จะทอดแบบกรอบมาก และตัดเป็นชิ้นๆ นอกจากจะได้ทานแป้งกรอบๆ แล้ว หอยแมลงภู่ของทางร้านยังสด เนื้อแน่น เพราะรับมาจากแพที่เพชรบุรีอีกด้วย"ออส่วนหอยนางรม (80 บาท)" ใช้แป้งเดียวกับหอยทอด แต่จะทอดให้ได้หอมกลิ่นไม้ของกระทะเบาๆ เนื้อสัมผัสจะนุ่มและเหนียวในคำเดียวที่ทาน ส่วนหอยนางรมก็ส่งตรงมาจากชลบุรีทุกวัน และจะทอดไม่ให้สุกมากเกินไป"ผัดไทยกุ้งสดห่อไข่ (60 บาท)" เป็นสูตรของคุณยายเจ้าของร้าน โดยใช้เส้นจันทน์ผัดกับน้ำซอสสูตรมะขาม ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงต่างๆ ผสมกัน ทำให้เวลาเอามาผัดกับเส้น น้ำซอสจะซึมเข้าเส้น รสชาติเปรี้ยว หวาน เค็มกำลังดีใครที่ชอบทานหอยทอด ผัดไทย แวะมาลองทานกันได้ที่ "ร้านตงยี หอยทอดยอดแหลม" อยู่ที่ซอยยศเส ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. (หยุดวันพุธ) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-9493-3636

  • เตี๋ยวอิงน้ำ ทานอาหารชิลๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาย่านเกาะเกร็ด

    มาถึงเกาะเกร็ดทั้งทีต้องแวะทานอาหารริมน้ำกันสักหน่อยกับ "ร้านเตี๋ยวอิงน้ำ" เอาใจคนชอบทานเมนูเส้นที่จะได้ทานในบรรยากาศชิลๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา นั่งทอดอารมณ์ชมวิถีชีวิตชาวเรือ และชิมเมนูเด็ดมากมายที่มาของชื่อร้าน 'เตี๋ยวอิงน้ำ' มาจากทำเลที่ตั้งของร้านที่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาโดยเปิดขายมากว่า 7 ปีแล้ว ในช่วงแรกของการเปิดร้านมีแค่เมนูก๋วยเตี๋ยว หลังจากนั้นจึงเพิ่มเมนูอื่นๆ ขึ้นมาทั้งเมนูข้าว เมนูผัดไทย และซอสที่ใช้ก็ปรุงขึ้นมาเองทั้งหมด มีทั้งเบสซอสผัดไทย ซอสต้มยำ ซอสข้าวผัด ซอสผัดกะเพรา ซอสกระเทียม แล้วประยุกต์เอาปลาร้า ต้มยำไปผสม หรือเอาเบสมาผสมกันเองก็อร่อยไม่แพ้กัน ซึ่งการทำซอสขึ้นมาแบบนี้ทำให้รสชาติของเราได้มาตรฐานเหมือนกันทุกจาน และได้รสชาติที่เป็นเอกลัษณ์"ผัดไทยต้มยำกุ้งสด (129 บาท)" เส้นจันทน์เหนียวนุ่ม ปรุงรสด้วยซอสต้มยำสูตรลับของทางร้าน ได้ความเผ็ดร้อนจากพริกที่คั่วเอง เสิร์ฟคู่กับน้ำอาจาดแบบโบราณแท้ๆ เอาไว้ตัดเลี่ยน"ผัดไทยปลาร้า ปลาดุกฟู (129 บาท)" เส้นจันทน์กับซอสผัดไทยที่ใส่ปลาร้าเข้ากันมาก ตัวซอสซึมเข้าตัวเส้นได้ดี โรยหน้าด้วยปลาดุฟูกรอบ ไข่เจียวฝอย และเม็ดกระถินมาถึงร้านเตี๋ยวอิงน้ำต้องไม่พลาดเมนูก๋วยเตี๋ยวของร้านกับเมนู "เกาเหลาต้มยำ (60 บาท)" มีทั้งหมูชิ้น หมูสับ ลูกชิ้น และเกี๊ยวทอด น้ำซุปรสชาติเข้มข้นปิดท้ายด้วยเมนูทานเล่นอย่าง "หมูทอดหงสา (99 บาท)" ใช้สันคอหมูหมักข้ามคืนกับเครื่องเทศนานาชนิด ทอดใหม่จานต่อจานตามมาเช็คอินริมน้ำสวยๆ ทานของอร่อยๆ กันได้ที่ "ร้านเตี๋ยวอิงน้ำ" อยู่ที่เกาะเกร็ด นั่งเรือจากท่าเรือวัดสนามเหนือมาขึ้นที่ท่าเรือวัดปรมัยยิกาวาส เลี้ยวขวามาประมาณ 200 เมตร ร้านเปิดวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 10.00-15.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-5333-7819

  • Mekha By Shan Villas ดินเนอร์สวยเก๋ใน Glass House

    อีกหนึ่งร้าน Rooftop ใหม่มาแรงที่มาพร้อมซิกเนเจอร์ Glass House Dome สุดเก๋อย่าง "Mekha By Shan Villas" ที่นอกจากบรรยากาศจะโรแมนติกแล้วอาหารแต่ละจานยังรังสรรค์ออกมาในสไตล์โฮมเมดน่าทาน"Mekha By Shan Villas" อยู่บนชั้น 5 Rooftop ของโรงแรม Shan Villas กับมุมซิกเนเจอร์ Glass House Dome ให้ทุกคนได้ดื่มด่ำความโรแมนติกแบบส่วนตัวและสัมผัสแสงยามเย็นของพระอาทิตย์ที่ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้าที่นี่ตกแต่งสไตล์ไทยโมเดิร์นผสมผสานกับทรอปิคอล และอาหารของที่นี่จะเสิร์ฟเป็นคอร์ส 1 คอร์สจะมีทั้งหมด 7 เมนูรวมของหวาน (ราคาคอร์สละ1,490 บาท) ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าแต่ละจานจะทานเป็นอะไรได้ด้วยเริ่มด้วย Appetizer "บรูสเก็ตต้า & บัฟฟาโลวิงส์" ปีกไก่ทอดซอสบาร์บีคิว เสิร์ฟคู่กับบรูสเก็ตต้ามะเขือเทศ และสลัดที่มีให้เลือก 2 อย่างคือ "ซีซาร์สลัดหอยเชลล์" และ "สลัดแซลมอนรมควัน" มาพร้อมกับผักร็อกเก็ตและน้ำสลัดบัลซามิกต่อด้วยจานซุปที่มีให้เลือก 2 อย่างเช่นเดียวกัน คือ "ซุปผักโขม" และ "ซุปเห็ด" ซึ่งเป็นสูตรครีมเข้มข้นสไตล์โฮมเมด เสิร์ฟพร้อมขนมปังฝรั่งเศสจานสปาเกตตีจะไม่ได้มีให้เลือก โดยจะเป็น "สปาเกตตีแองเจิลแฮร์" ทานกับซอสมะเขือเทศสูตรโฮมเมดของทางร้านต่อด้วยเมนคอร์ส "สเต็กปลากะพงไวท์ไวน์ซอส" ปลากะพงหมักกับไวน์ขาวแล้วนำไปกริลให้หนังกรอบ ทานคู่กับมันฝรั่งมิกซ์กับกะหล่ำปลีม่วงและอีกหนึ่งเมนูเมนคอร์ส "อกเป็ดเบอร์รีซอส" สูตรซอสเบอร์รีเป็นสูตรของเชฟเอง ทานกับอกเป็ดที่นำไปกริลแล้วอบต่ออีก 20 นาทีจนเนื้อนุ่มปิดท้ายแบบฟินๆ ด้วยของหวาน "พานาคอตต้าซอสราสเบอร์รี" มาดินเนอร์ชมพระอาทิตย์ตกดินในโดมเก๋ๆ ได้ที่ "Mekha By Shan Villas" อยู่ซอยอ่อนนุช 18, ชั้น 5 โรงแรม Shan ร้านเปิด ตั้งแต่เวลา 17.30-23.00 น. (หยุดวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-1978-2644

  • Rakdok Lalagoon Food Village

    เปรี้ยวปากชวนทุกคนมาเที่ยวทิพย์กันที่ "Rakdok Lalagoon Food Village" ศูนย์รวมร้านอาหารและที่เที่ยวน้องใหม่สุดฮอตในตอนนี้ ที่เจ้าของได้แรงบันดาลใจมาจากการที่อยากให้คนไทยได้ท่องเที่ยวในหลายๆ ประเทศในที่เดียว จึงจำลองเป็นเมืองตากอากาศริมทะเลสาบสุดโรแมนติกเหมือนในยุโรปและทุ่งหญ้าโคเคียที่ประเทศญี่ปุ่นนอกจากบรรยากาศจะดีถ่ายรูปสวยแล้ว ร้านอาหารของที่นี่เต็มไปด้วยร้านอาหารโฮมเมดสไตล์ต่างๆ เน้นใช้วัตถุดิบดีมีคุณภาพ เริ่มด้วย "ร้าน Rakdok Thai Street" ร้านอาหารไทยโฮมเมดที่มีไอเดียว่าทุกจานต้องทานง่ายและอร่อยเหมือนทำกินที่บ้าน แถมทุกจานยังมีดอกไม้เป็นองค์ประกอบสวยๆ ได้ทั้งถ่ายรูปและความอร่อย"หมี่ผัดกระเฉดกุ้ง" ที่คัดยอดกระเฉดอ่อนๆ เพื่อให้ได้ความกรอบอร่อย และกุ้งไซส์ใหญ่แบบเต็มคำเมนูแนะนำจากเชฟของร้านเพราะเชฟที่นี่ถนัดอาหารจีนกับเมนู "ผักเคลผัดน้ำมันหอย" ผักเคลที่ใช้เป็นผักออร์แกนิคและเพิ่มเท็กซ์เจอร์ด้วยเห็ดหอมสด "ผัดหมี่โคราช" เมนูนี้ทั้งเส้นและซอสส่งตรงมาจากโคราช แถมเจ้าของ Rakdok และเชฟยังเป็นคนโคราชอีกด้วย การันตีความอร่อยได้เลย"กุ้งทอดซอสมะขาม" ทีเด็ดอยู่ที่ซอสมะขามเปียกที่ร้านคั้นสดเองมาเอาใจสายแซ่บกันต่อที่ "ร้านช่างดอกยำ" กับเมนู "ยำหมูสามชั้นกุ้งลวกน้ำปลาร้า" เมนูนี้เอาหมูสามชั้นไปลวกแทนการทอดตามเปรี้ยวปากมาเที่ยวทิพย์กันได้ที่ "Rakdok Lalagoon Food Village" อยู่ที่บึงไมตรีจิต เขตคลองสามวา เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-1899-7893

  • Palo Cafe & Studio

    คาเฟ่น้องใหม่มาแรงที่เนรมิตให้นิวยอร์คอยู่แค่ซอยวิภาวดี "ร้าน Palo Cafe & Studio" ที่จัดเป็นสตูดิโอเปิดโปรเจคเตอร์ฉายภาพสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ในนิวยอร์ค ให้ทุกคนได้มาถ่ายรูปเหมือนอยู่นิวยอร์คกันเลยทีเดียว ซึ่งมุมโปรเจคเตอร์ตรงนี้ก็เป็นมุมซิกเนเจอร์ที่ใครมาก็ต้องแวะถ่ายรูปที่ร้านนอกจากจะเป็นสตูดิโอแล้วยังเป็นคาเฟ่สไตล์โฮมมี่น่ารักๆ ที่เหมือนมาเที่ยวบ้านเพื่อน โดยตัวร้านเดิมเป็นบ้านเก่าที่นำมารีโนเวทใหม่ทั้งหมดแต่ยังคงโครงสร้างเดิมไว้ มีมุมถ่ายรูปหลากหลายทั้งมุมเปียโน มุมโซฟา หรือแม้แต่หน้าร้านก็เป็นมุมเช็คอินของที่นี่เดิมที่นี่เป็นสตูดิโอถ่ายภาพเพียงมาก่อนซึ่งเกิดจากเจ้าของและกลุ่มเพื่อนไลฟ์สไตล์เดียวกัน ต่อมาจึงเปิดเพิ่มในโซนคาเฟ่ซึ่งทุกอย่างก็จะเป็นสไตล์โฮมเมด เป็นเมนูทานง่ายๆ เน้นวัตถุดิบดีๆ จากหลายที่มารวมกันเริ่มด้วยเมนูซิกเนเจอร์ที่มีชื่อเดียวกับร้าน "ข้าวซี่โครงหมูพะโล้ขลุกขลิก (99 บาท/ เพิ่มไข่ดาว 10 บาท)" คลุกข้าวทานได้ง่ายๆ ตัวหมูก็ใช้เป็นซี่โครงหมูแทนหมูสามชั้น เสิร์ฟมาพร้อมกับไข่ เลือกได้ว่าจะเป็นไข่ดาวหรือไข่เจียวต่อด้วยเมนูใหม่ของทางร้าน "สปาเกตตีทรัฟเฟิลครีมซอส (249 บาท)" เส้นสปาเกตตีหนึบกำลังดี ตัวครีมหอมละมุนกลิ่นเห็ดทรัฟเฟิลสายกาแฟอยากให้ลองเมนู "Bael-Cano (110 บาท)" หรือกาแฟมะตูม เมนูนี้ใช้เมล็ดกาแฟจากเชียงราย หอมกลิ่นมะตูมกับน้ำตาลทรายแดง เสิร์ฟมาพร้อมกับเนื้อมะตูมสับ"Palooo-Ha (110 บาท)" ชาหมักสูตรพิเศษผสมกับน้ำสับปะรดและน้ำมะนาว ท็อปด้วยเครื่องเทศพะโล้และไข่ต้มที่ทำมาจากส้มและลิ้นจี่ปิดท้ายด้วยเมนูของหวานแสนอร่อย "Banoffee Pie (129 บาท)" "Lime Cheesecake (129 บาท)" ตรงกลางมีซอสมะนวเป็นเลเยอร์มานั่งทานอาหารสบายๆ ได้รูปสวยๆ กลับไปที่ "ร้าน Palo Cafe & Studio" อยู่ในซอยวิภาวดีรังสิต 22 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-17.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-2924-6638

  • Chim Chim เสพงานศิลป์ฟินเมนูอร่อย

    เที่ยวชมงานอาร์ตในบรรยากาศ Art-Inspired Social Diner กันที่ "ร้าน Chim Chim" ที่เป็นทั้งคาเฟ่ ร้านอาหาร แกลลอรี่และ Workshop Space พร้อมเมนูสไตล์โฮมมี่ที่คัดสรรวัตถุดิบมาอย่างดี มาที่เดียวเสพได้ทั้งงานศิลป์และฟินกับเมนูอร่อยแบบจัดเต็มกันไปเลยตอนนี้ที่โซนแกลลอรี่ของ "ร้าน Chim Chim" กำลังจัดแสดงผลงานของศิลปินดูโอชาวฝรั่งเศส 'Munchausen' ชื่อนิทรรศการ 'ของฝากจากความทรงจำ' เป็นการสร้างงานศิลปะจากรูปภาพที่ถ่ายมา แล้วนำมาสร้างสรรค์ให้เป็นภาพที่มีสีสันสดใส ซึ่งโซนนี้จะมีนิทรรศการศิลปะเปลี่ยนไปตลอดทั้งปีเมนูอาหารของที่นี่ก็มีหลากหลาย ทั้งมื้อเช้า กลางวัน เย็น รวมทั้ง Brunch มีให้บริการตลอดทั้งวัน ด้วยคอนเซ็ปต์ที่เน้นใช้วัตถุดิบท้องถิ่น อย่างเมล็ดกาแฟก็ใช้เมล็ดจากเชียงราย ชาก็ใช้จากป่าในภาคเหนือของไทย"Pizza Carbonara (ไซส์เล็ก 270 บาท /ไซส์ใหญ่ 350 บาท)" เมนูพิซซ่ายอดฮิตของทางร้าน ซิกเนเจอร์อยู่ที่ตัวแป้งทำจากแป้งซาวโดวจ์ที่หมักไว้ 48 ชั่วโมง ทำให้ตัวแป้งมีรสชาติมากขึ้น เสิร์ฟมาพร้อมกับไข่สด"Hoki Poke Salad (300 บาท)" สลัดซิกเนเจอร์ของทางร้าน ใช้ผักเกล็ดหิมะที่มีลักษณะพิเศษคือเป็นผักที่มีความกรอบ เนื้อฉ่ำ นำมาคลุกเคล้ากับน้ำส้มสลัดพอนซึแบบญี่ปุ่นและเนื้อทูน่า"Avo & Lox Bagel (370 บาท)" หนึ่งในเมนูอาหารเช้าที่ทางร้านแนะนำ เมนูนี้ทำจากแซลมอนแช่น้ำเกลือที่ทางร้านทำเอง ทาด้วยครีมชีสผสมเคเปอร์ อะโวคาโดบด และขนมปังเบเกิลโฮมเมด ทานคู่กับ Egg Benedict"Catch Of The Day (ราคาขึ้นอยู่กับประเภทของปลาในแต่ละวัน)" ความพิเศษของจานนี้อยู่ที่วัตถุดิบที่ไม่เหมือนกันในแต่ละวัน วันไหนได้ปลาอะไรมาก็จะนำมาทำเมนูนี้ โดยจะใช้ปลาจากชาวประมงจังหวัดชุมพรที่ส่งมาสดๆ ให้กับทางร้าน เอามาย่างแล้วเสิร์ฟคู่กับมันฝรั่งผัดและซอสเคเปอร์ โรยด้วยผักชีลาวเพิ่มความหอม"Pasta Tiger Prawns (550 บาท)" พาสต้าเส้นเฟตตูชินี ผัดกับซอสครีมมะเขือเทศ เสิร์ฟพร้อมกุ้งลายเสือตัวโต บีบมะนาวเพิ่มรสชาติจัดจ้านเข้าไปอีก"Pom Smoothie (150 บาท)" เมนูเครื่องดื่มที่ทำจากเสาวรส ส้ม และมะม่วง รสชาติหวานหอม เปรี้ยวสดชื่น"Mint Mocha Frappe (130 บาท)" เป็นเอสเปรสโซดับเบิลช็อต และเพิ่มความหอมด้วยมิ้นท์มาเที่ยวเสพงานศิลป์และฟินกับอาหารอร่อยๆ ได้ที่ "ร้าน Chim Chim" อยู่บนชั้น G โรงแรม Siam @Siam Design Hotel ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2217-3000

  • Soul Salt River City Bangkok เพ้นท์บาร์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

    ใครอยู่บ้านเหงาๆ มาหากิจกรรมทำชิลๆ กันได้ที่ "Soul Salt River City Bangkok" เพ้นท์บาร์และอาร์ตคาเฟ่น้องใหม่ที่สามารถมานั่งวาดรูปชมวิวพระอาทิตย์ตกดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้ และมีอาหารเครื่องดื่มพร้อมให้บริการด้านในของ "Soul Salt River City Bangkok" ยกเอาบรรยากาศของชายหาดมาไว้ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และยังสามารถถอดรองเท้าเดินสัมผัสทรายได้อีกด้วย เพราะเป็นความตั้งใจของเจ้าของร้านที่อยากให้คนเข้ามานั่งวาดรูปได้มีอิสระ และสามารถนั่งมุมไหนของร้านวาดรูปก็ได้ นอกจากนี้ยังมีโซน Outdoor ริมน้ำอีกด้วย ส่วนของเพ้นท์บาร์หากใครสนใจวาดภาพแคนวาสกับสีอะคริลิค ทางร้านก็มีอุปกรณ์ให้ครบทั้งสีและเฟรมแคนวาส ราคาเริ่มต้น 699 บาท หรือใครที่ไม่ถนัดวาดรูปก็จะมีพนักงานคอยให้คำแนะนำที่นี่นอกจากจะเป็นเพ้นท์บาร์และอาร์คาเฟ่แล้ว ยังมีอาร์ตแกลลอรี่ที่จะหมุนเวียนผลงานของศิลปินจากทั่วโลกมาจัดแสดงด้วย ในตอนนี้ผลงานที่จัดแสดงอยู่เป็นของ 'Ronnie Ahmmed' ซึ่งเป็นศิลปินขวัญใจของเจ้าของร้านอีกด้วยอาหารของที่นี่จะเป็นเมนูทานง่ายสามารถทานไปวาดรูปไปได้ ด้วยคอนเซ็ปต์เก๋ๆ 'Leaves Wrap Food' โดยนำเสนอเมนูอาหารไทยที่มีการใช้ใบไม้มาห่อแล้วย่าง ซึ่งเป็นรูปแบบอาหารเพื่อสุขภาพตามวิธีดั้งเดิมของคนไทยเริ่มเมนูแรกด้วย "หมูย่างสมุนไพรห่อใบชะพลู (190 บาท)" ใช้หมูสดนำมาหมักกับเครื่องเทศต่างๆ ห่อด้วยใบชะพลูแล้วนำไปย่างไฟจนหอม"ห่อหมกข้าวเหนียวย่างผัดไก่ (170 บาท)" เมนูนี้ใช้เนื้ออกไก่มารวนกับเครื่องเทศ ห่อด้วยข้าวเหนียวและพันด้วยใบตอง"แซลมอนย่างสมุนไพรห่อใบชะพลู (270 บาท)" "ย่างห่อหมกควินัว (190 บาท)" ด้านในมีส่วนผสมของควินัว โหระพา ไข่ ผัก ห่อด้วยใบต่างแล้วย่างมาที่เครื่องดื่มกันบ้าง "Nutella Coffee (199 บาท)" และ "Coffee Mojito (190 บาท)" ที่ใช้เอสเปรสโซช็อตมาเชคกับน้ำมะนาว หอมอร่อยเพิ่มความสดชื่นตามมาทำกิจกรรมสนุกๆ ทานอาหารอร่อยๆ กันได้ที่ "Soul Salt River City Bangkok" อยู่บนชั้น 1 River City Bangkok ร้านเปิดวันพุธ-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-2988-0755

  • Patonggo Cafe Since 1968 ตำนานความอร่อยระดับมิชลินไกด์

    "Patonggo Cafe Since 1968" ตำนานความอร่อยย่านเก่าพระนครกว่า 70 ปี ที่สำคัญการันตีความอร่อยด้วยมิชลินไกด์ถึง 2 ปี ซ้อน ร้านนี้ถือเป็นตำนานปาท่องโก๋ย่างเจ้าแรกของไทยที่คลาสสิกทั้งที่มาที่ไปและตัวร้านความอร่อยระดับมิชลินไกด์นั้นอยู่ที่ 'ตัวปาท่องโก๋' ความพิเศษอยู่ที่สูตรผสมแป้งและเทคนิคการนวดที่ส่งต่อกันมากกว่า 70 ปี ซึ่งกว่าจะได้แป้งนั้นใช้เวลาเตรียมเป็นวันๆ และการย่างจะช่วยรีดน้ำมันออก ทำให้กรอบมากขึ้นด้วย ที่นี่นอกจากจะมีปาท่องโก๋กับสังขยาแล้ว ยังนำปาท่องโก๋มาทำเป็นของคาวอีกด้วย มีความแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร"ปาท่องโก๋ย่าง สังขยาใบเตยสด (45 บาท)" ปาท่องโก๋ว่าเด็ดแล้ว สังขยาใบเตยสดสูตรโบราณทั้งหอมหวานมัน และเมนูนี้ยังขายมาตั้งแต่เปิดร้านในปี 1968 ซึ่งผ่านมาแล้วเกือบ 50 ปี"ปาท่องโก๋ยำทรงเครื่องทะเล (80 บาท)""ปาท่องโก๋หน้าไก่ (60 บาท)" เมนูแนะนำที่ราดด้วยน้ำหน้าไก่สูตรโบราณ ยิ่งทานคู่กับพริกดอกจะเข้ากันดีมาก"ปาท่องโก๋หน้าหมูแดง (80 บาท)" โปะด้วยหมูแดงย่างเตาถ่าน ราดด้วยซอสหมูแดงมาอีกทีเพิ่มความฟิน"ปาท่องโก๋หมูเส้นทรงเครื่อง (60 บาท)" ตัวหมูเส้นที่ร้านทำเอง ปรุงรสโดยใส่พริกเผา แล้วราดมาบนปาท่องโก๋ร้อนๆ อีกทีมาเปิดประสบการณ์การทานปาท่องโก๋แบบใหม่กันได้ที่ "Patonggo Cafe Since 1968" อยู่ตรงข้าม ธ.กสิกรไทย สาขาบางลำพู ร้านเปิดวันจันทร์-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 08.00-19.00 น. และวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2281-9754

  • ชางไฮ ร้านอาหารเหนือ สูตรเจียงฮาย

    "ชางไฮ" ร้านอาหารที่หลายคนคิดไม่ถึงว่าจะเป็นร้านอาหารเหนือจนเกิดเป็นแฮชแทค #ชางไฮไม่ได้ขายอาหารจีน ด้วยสไตล์การตกแต่งร้านที่เป็นจีนผสมกับเครื่องหวายจักรสานแบบเหนือจึงทำให้หลายคนเข้าใจผิด แต่ก็เป็นการผสมผสานกันได้อย่างลงตัวร้านชางไฮ เป็นร้านอาหารเหนือแบบต้นตำรับจากเชียงราย ส่วนชื่อ 'ชางไฮ' นั้นผันเสียงมาจาก 'เจียงฮาย' หรือ 'เชียงราย' นั่นเอง โดยทางร้านอยากผสมผสานความเป็นตัวตนของหุ้นส่วนเข้าด้วยกัน ซึ่งคนนึงเป็นคนไทย-จีน และอีกคนเป็นคนเชียงราย จึงครีเอทชื่อและตกแต่งร้านออกมาได้อย่างมีเอกลักษณ์ทานอาหารเหนือทั้งทีต้องเริ่มจาก "ออเดิร์ฟเมือง (340 บาท)" โดยในเซตจะมีแกงฮังเล ไส้อั่ว หมูยอ น้ำพริกอ่อง น้ำพริกหนุ่ม แคบหมู ผักจิ้ม และข้าวเหนียว"ปอเปี๊ยะไส้อั่ว (120 บาท)" เมนูฟิวชันระหว่างจีนกับเหนือ ตัวไส้เป็นไส้อั่วห่อด้วยแป้งเกี๊ยวแบบจีน เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำพริกหนุ่ม"ข้าวซอยไก่ (110 บาท)" ทางร้านใช้สะโพกไก่ชิ้นใหญ่ มาในน้ำข้าวซอยเข้มข้นที่ทำสดใหม่ทุกวัน หรือถ้าใครชอบทานเนื้อก็มีเป็น "ข้าวซอยเนื้อน่องลาย (180 บาท)""สปาเกตตีไส้อั่ว (150 บาท)" สปาเกตตีผัดกับสมุนไพรและเครื่องเทศภาคเหนือ ตัวซอสจะมีความเป็นครีม ไม่แห้งไม่แฉะเกินไปปิดท้ายด้วยเมนูไฮไลท์ "หมูเค็มสูตรแม่ยาย (120 บาท)" เป็นหมูสามชั้นกับสันคอผสมกันในสัดส่วนที่พอเหมาะ นำไปคั่วและตุ๋นนานกว่า 2 ชั่วโมง จนได้หมูนุ่มชุ่มฉ่ำ ตามมาทานอาหารเหนือรสชาติต้นตำรับกันได้ที่ "ร้านชางไฮ" อยู่ที่ชั้น 1 BU Place Hotel ซอยสุทธิพร 2 หรือรัชดาฯ ซอย 3 ร้านเปิดวันจันทร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 11.00-14.00 น./ 17.00-21.00 น. (หยุดวันพุธ)

  • Knock Knock Cafe & Bar คาเฟ่โฮมมี่วินเทจ

    "Knock Knock Cafe & Bar" คาเฟ่สุดคูลสไตล์โฮมมี่วินเทจ เน้นความเรียบง่ายแต่ได้ความอบอุ่นใจ มาพร้อมกับเมนูโฮมเมดอร่อยๆ มุมถ่ายรูปเก๋ๆ ไว้ลงโซเชียลอีกด้วยคอนเซ็ปต์ของที่ร้านคือลูกค้าทุกคนคือเพื่อนบ้านคนสนิทของคาเฟ่แห่งนี้ การตกแต่งร้านจึงเข้าคอนเซ็ปต์เป็นแนววินเทจน่ารักๆ"Teriyaki Grilled Salmon Rice Bowl (249 บาท)" "Capellini Bolognese Steak (389 บาท)" พาสต้าเส้นแองเจิ้ลแฮร์ผัดกับซอสโบโลเนสโฮมเมด ท็อปด้วยเนื้อริบอายสเต็กมีเดียมแรร์ฉ่ำๆ"Alfred's O (289 บาท)" พาสต้าโฮมเมดตัวใหม่ เป็นเส้น Fettucine Black Ink ผัดกับซอส Alfredo ที่ผสมพาร์เมซานชีส ท็อปด้วยมะเขือเทศ Sun-dried"Capellini Aglio E Olio with Bacon & Clam (229 บาท)" เมนูนี้รสชาติจัดจ้านผัดพริกแห้งเบคอนและหอยลาย ท็อปด้วยไข่กุ้งเมนู Appetizer "Potato Wedges (129 บาท)" เฟรนด์ฟรายส์ชิ้นใหญ่ ทำจากมันฝรั่งติดเปลือกหั่นแบบหนา โรยด้วยผงปาปริก้าและมาซาลาปิดท้ายด้วยของหวานอย่าง "Brownie Lava (120 บาท)" และ "Banoffee Tart (150 บาท)" "Knock Knock Cafe & Bar" อยู่ที่ซอยอารีย์สัมพันธ์ 7 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 09.00-23.00 น. (หยุดวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-2253-9898

  • ข้าวต้มกุ๊ยชือเลอมา ร้านข้าวต้มสุดเก๋สไตล์โรงเตี๊ยม

    ร้านข้าวต้มในบรรยากาศโรงเตี๊ยม "ร้านข้าวต้มกุ๊ยชือเลอมา" ที่ยังคงกลิ่นอายความเป็นจีนโบราณเอาไว้ด้วยสูตรอาหารที่สืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นอาม่า และเอาใจคนรุ่นกับมุมถ่ายรูปเก๋ๆ รอบร้านเมนูอาหารของที่ร้านจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ เมนูอาหารจีนดั้งเดิม และเมนูแบบประยุกต์ ข้าวต้มของที่นี่ก็มีให้เลือกถึง 3 แบบ ทั้งข้าวขาว ข้าวกล้อง และข้าวไรซ์เบอร์รี"โคตรไข่เจียว (150 บาท)" "เคาหยก (200 บาท)" เข้มข้นตามแบบฉบับจีนแคะดั้งเดิม เป็นหมูสามชั้นกับผักกาดเขียวดองแห้ง หรือที่เรียกว่าหั่มช้อยกอน(ผักดำ) โดยใช้เวลาตุ๋นกว่า 3-4 ชั่วโมง จนสามชั้นนุ่มละลายในปาก"หมูกรอบ 3 เซียน (140 บาท)" เป็นหมูกรอบสไตล์ฮ่องกง และที่ชื่อ 3 เซียน ก็เพราะมีน้ำจิ้มให้เลือกถึง 3 รส ซีอิ๊วดำหวาน ซีฟู้ด และซัลซ่า"ทะเลเปรี้ยวหวาน (160 บาท)" ใส่เครื่องมาทั้งปลากะพง หมึก กุ้ง หอยแมลงภู่ ทอดจนกรอบแล้วนำมาผัดกับซอสเปรี้ยหวานรสชาติเข้มข้น โรยหน้าด้วยใบโหระพาทอดกรอบ"ต้มยำเกี่ยมบ๊วยหมูสับ (150 บาท)" เมนูนี้จะทำให้เข้มข้นขึ้นโดยทำเป็นต้มยำ ใช้สันคอหมูบดต้มกับน้ำสต็อกหมูแล้วปรุงรส"ปลาเงินคั่วพริกเกลือ (120 บาท)" คัดสรรวัตถุดิบอย่างดีและปรุงอย่างตั้งใจ ดูแลเหมือนคนในครอบครัวตามชื่อร้าน "ชือเลอมา" ที่แปลว่า 'ทานอะไรมาหรือยัง' ตามมาทานกันได้ที่ซอยจรัญสนิทวงศ์ 40 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 13.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-3252-2939

  • เจ๊คิ้ม หมี่กระเฉด ร้านลับย่านตรอกสะพานหัน

    ใครจะรู้ว่าย่านตรอกสะพานหัน ริมคลองโอ่งอ่างที่มีสตรีทอาร์ทให้ถ่ายรูปชิคๆ มากมายมีร้านลับซ่อนตัวอยู่อย่าง "ร้านเจ๊คิ้ม หมี่กระเฉด" ที่นำหมี่กระเฉดมาฟิวชั่นกับหลากหลายซีฟู้ดเด็ดๆ ให้เข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อเริ่มด้วยเมนูซิกเนเจอร์อย่าง "หมี่กระเฉดกุ้งแม่น้ำ เพิ่มหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ (199 บาท/ เพิ่มหอย 2 ตัว 30 บาท)" สูตรผัดหมี่กระเฉดของที่ร้านเป็นสูตรโบราณ ผัดแห้งๆ แล้วขูดเส้นติดกระทะมาด้วย ทำให้ได้อีกหนึ่งเท็กซ์เจอร์ ซีฟู้ดอย่างกุ้งแม่น้ำก็ส่งตรงจากแพกุ้งที่อยุธยา และหากใครอยากเพิ่มวัตถุดิบอะไรก็สามารถสั่งเพิ่มได้ทั้งกุ้ง หอย หมึกไข่ และคอหมูย่าง โดยเสิร์ฟมาพร้อมน้ำจิ้มถึง 2 สูตร คือ สีเขียว จะได้ความแซ่บ และสีแดง จะรสชาติไม่เผ็ดมากอีกหนึ่งเมนูขายดีของร้านที่ห้ามพลาด "หมี่กระเฉดคอหมูย่าง (159 บาท)" คอหมูย่างมาเกรียมกำลังดี หอม มาพร้อมน้ำจิ้มแจ่ว"รวมมิตรคั่วพริกเกลือ (199 บาท)" เมนูนี้รวมซีฟู้ดทั้งกุ้งแม่น้ำ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ และหมึกไข่ ผัดพริกเกลือแบบแห้งๆ มาราด น่าทานสุดๆมาตามรอยชิมหมี่กระเฉดรสจัดจ้านกันได้ที่ "ร้านเจ๊คิ้ม หมี่กระเฉด" อยู่ริมคลองโอ่งอ่าง ตรอกสะพานหัน ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร 06-1725-6193

  • จางล่าเมี่ยน บะหมี่เนื้อตุ๋นสไตล์จีน

    "ร้านจางล่าเมี่ยน" ร้านบะหมี่ในน้ำมันพริกสไตล์จีน และน้ำซุปกลมกล่อมหอมเครื่องสมุนไพร และความเผ็ดนั้นมาจากน้ำมันพริกสไตล์จีนที่เรียกว่า 'ล่าเจียวโหยว' นั่นเอง ซึ่งทางร้านมีระดับความเผ็ดให้เลือกถึง 5 ระดับ ใครชอบทานเผ็ดมากหรือน้อยก็สามารถเลือกได้เลยที่มาของชื่อร้าน 'จางล่าเมี่ยน' มาจากที่เจ้าของร้านได้ไปทานเมนูที่เรียกว่า 'ล่าเมี่ยน' ที่เมืองจีนซึ่งก็คือบะหมี่เนื้อเส้นสดสไตล์จีนที่มีน้ำมันพริกซึ่งจะไม่เผ็ดชาลิ้นเหมือนพริกหมาล่าทำให้ทานได้เรื่อยๆ พอกลับมาไทยจึงอยากมาเปิดร้านโดยประยุกต์เข้ากับสูตรน้ำซุปของทางบ้านเจ้าของร้าน เลยเติมคำว่า 'จาง' ซึ่งเป็นแซ่ของเจ้าของร้านเอง จึงกลายเป็นที่มาของชื่อ 'จางล่าเมี่ยน' บะหมี่เนื้อสูตรตระกูลจางนั่นเองทีเด็ดของร้านต้องยกให้กับน้ำซุป เพราะเป็นสูตรของคุณย่าเจ้าของร้านที่ใช้ทำทั้งก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ก๋วยเตี๋ยวหมู ก็สูตรเดียวกัน โดยใช้ทั้งกระดูกเล้งและกระดูกข้อตุ๋นกับสมุนไพรหลายชั่วโมงจนเข้มข้น"จางล่าเมี่ยนเนื้อ (70 บาท)" เมนูไฮไลท์ที่มีเนื้อตุ๋นสูตรพิเศษที่เรียกว่า 'เนื้อเมี่ยน' ใช้เวลาตุ๋นนานกว่า 5 ชั่วโมงส่วนคนที่ไม่ทานเนื้อก็มีเมนู "จางล่าเมี่ยนหมู (70 บาท)" "หม้อไฟเนื้อ (150 บาท)" จัดเต็มมาทั้ง พื้นท้อง เนื้อสไลด์ เอ็น ไส้ และลูกชิ้นเนื้อ"ซุปหมู (100 บาท)" มาลองทานบะหมี่สไตล์จีนได้ที่ "ร้านจางล่าเมี่ยน" อยู่ที่สวนหลวงสแควร์ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-0974-5960

  • ตั้งใจย่าง หลากหลายเมนูย่างเตาถ่านหอมๆ

    "ตั้งใจย่าง" ร้านอาหารจีนสไตล์กวางตุ้งที่ฮอตฮิตในโลกโซเชียล ทีเด็ดอยู่ที่หมูแดงสูตรเฉพาะของทางร้านที่นำมาเป็นส่วนประกอบหลักของทุกจาน และการตกแต่งร้านจะสอดแทรกกลิ่นอายความเป็นจีนร่วมสมัยเอาไว้ โดยเลือกใช้เป็นโต๊ะหินอ่อนและเก้าอี้ไม้แบบโบราณ ทำให้สัมผัสได้ถึงความโฮมมี่เหมือนการนั่งทานอาหารที่บ้านเมนูของที่ร้านจะเน้นไปที่เมนูย่างเตาถ่านเป็นหลัก เพราะเชื่อว่าเสน่ห์ของอาหารอยู่ที่กลิ่นหอมจากการรมควัน หรือกลิ่นไหม้จากเตาถ่านที่หาได้ยากแล้วในสมัยนี้ แถมยังย่างสดใหม่แบบวันต่อวันอีกด้วย โดยใช้วิธีการย่างเตาถ่านแบบโบราณที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นเริ่มด้วยเมนูไฮไลท์ของร้าน "หมูแดงย่างถ่าน (200 บาท/ 200 กรัม)" เนื้อหมูแบบมีมันแทรก คลุกเคล้ากับสมุนไพรและซอสต่างๆ กว่า 10 ชนิด หมักทิ้งไว้ 24 ชม. แล้วนำมารมควันด้วยถ่านไม้ ก่อนจะนำไปย่างเคลือบผิวด้วยน้ำผึ้ง"ซี่โครงหมูน้ำผึ้งย่างถ่าน (280 บาท/200 กรัม)" "ข้าวผัดตั้งใจย่าง (110 บาท)" เมนูนี้ผัดข้าวมาเป็นเม็ดร่วนๆ หอมๆ ผัดกับก้านคะน้า และหมูแดงย่างเตาถ่านหั่นเต๋า ผัดด้วยไฟแรงทำให้หอมกลิ่นกระทะมากนอกจากเมนูย่างๆ ที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้านแล้ว ยังมีอีกเมนูที่ห้ามพลาดคือ "หมี่ซั่วหมูแดงย่างถ่าน (130 บาท)" ใส่กุยช่ายขาว เห็ดหอม และหมูแดงย่างถ่าน ตัวหมี่ซั่วเส้นนุ่มเด้ง หอมกลิ่นกระทะและอีกหนึ่งเมนูขายดีของที่ร้าน "ลิ้นหมูย่างถ่าน (220 บาท/ 150 กรัม)" เมนูนี้จะเอาลิ้นหมูไปซูวีด 1 วันเต็มๆ เพื่อให้นุ่มได้ที่ แล้วนำมารมควันด้วยถ่านไม้เพื่อเพิ่มความหอม ก่อนจะนำไปย่างจนได้เป็นลิ้นหมูที่นุ่ม เคี้ยวเพลิน และไม่มีกลิ่นเลยใครอยากทานหมูแดงฉ่ำๆ ย่างเตาถ่านหอมๆ ตามมาได้ที่ "ร้านตั้งใจย่าง" 171 ถนนจันทน์ ใกล้แยกปากตรอกจันทน์ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-14.30 น. และ 16.30-20.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-0544-4645B1

  • ผัดไทรสชา เจ้าเด็ดรสจัดจ้านย่านสุขสวัสดิ์

    ร้านผัดไทยเจ้าเด็ดย่านสุขสวัสดิ์ที่นอกจากเมนูจะแปลกใหม่แล้วน้ำซอสยังเข้มข้นถึงเครื่องอีกด้วยกับ "ร้านผัดไทรสชา" รสชาติจัดจ้าน ไฟลุกหอมกลิ่นกระทะสุดๆ ที่มาขอร้านผัดไทรสชเกิดจาก 'เชฟบิว' เจ้าของร้านที่ทำงานในโรงแรมและเห็นหลากหลายสูตรของผัดไทย จึงจุดประกายเริ่มต้นที่อยากจะเปิดร้านผัดไทยและทำเป็นสูตรของตัวเอง เบสหลักของผัดไทยคือซอสมะขามเปียก ดังนั้นทางร้านจึงมะขามจากจังหวัดราชบุรีเพราะมีรสชาติหวานหอมเปรี้ยว และต้องให้มีรสชาติกลมกล่อมสามารถไปมิกซ์กับอย่างอื่นได้เริ่มด้วยเมนูไฮไลท์ของทางร้าน "ผัดไทยชีสฮาวาย (119 บาท)" ผัดไทยชีสเยิ้มๆ ใส่เครื่องแน่นๆ กุ้งตัวโตๆ และรองก้นจานด้วยมะม่วงซอยไว้ตัดเลี่ยน เพิ่มความหอมมันด้วยมอสซาเรลล่าชีสเบิร์นไฟต่อด้วยเมนูน้องใหม่ของทางร้าน "ผัดไทยปลาทูเพื่อนปลากรอบ (149 บาท)" เมนูนี้ทางร้านได้แรงบันดาลใจมาจากข้าวน้ำพริกปลาทู แล้วใช้ใบตองเผาไฟรองจานเพื่อให้ปลาทูมีกลิ่นหอมของใบตองด้วยส่วนใครที่ชอบสมุนไพรแนะนำเมนู "ผัดไทยกุ้งตะไคร้ (159 บาท)" เชฟบิวเอากุ้งมาเสียบตะไคร้แล้วนำไปเผาไฟอ่อนๆ ให้ตะไคร้กับกุ้งรัดตัวจนหอม เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดสุดแซ่บอีกหนึ่งเมนูแปลกใหม่ "ผัดไทยแกงเขียวหวาน (149 บาท)" เมนูนี้เริ่มจากเชฟบิวชอบกินแกงเขียวหวานแล้ววันหนึ่งอยากลองเอามารวมกับผัดไทย ปรากฎว่าเข้ากันได้ดีมาก และยังโรยหน้าด้วยปลาสลิดทอดกรอบที่ทอดใหม่จานต่อจาน ราดน้ำกะทิตบท้ายเอาใจคนรักเครื่องแกง รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน"ผัดไทยบรั่นดี" มาเปิดประสบการณ์ใหม่ในการกินผัดไทยได้ที่ "ร้านผัดไทรสชา" อยู่ริมถนนสุขสวัสดิ์ 14 แขวงจอมทอง ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. (หยุดทุกวันอังคาร) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-5787-3609

  • Happy Mum Happy Me อาหารโฮมเมดฝีมือคุณแม่

    สายโฮมมี่ต้องเลิฟกับคาเฟ่แสนอบอุ่นอย่าง "ร้าน Happy Mum Happy Me" ที่เปิดบ้านไม้อายุกว่า 30 ปีให้ลูกๆ ทุกคนได้มาลิ้มลอง และสัมผัสความสุขผ่านอาหารโฮมเมดฝีมือคุณแม่วัยเกษียณจนส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบ้านเริ่มด้วยเมนูเด็ดอย่าง "หมี่กะทิพุมเรียงกุ้งสด (125 บาท)" หน้าตาคล้ายผัดไทยแต่เป็นสูตรจากอาม่าเจ้าของร้านที่เป็นชาวพุมเรียงแท้ๆ จากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รสชาติเปรี้ยวหวานจากมะขามเปียกและน้ำตาลโตนดต่อด้วยเมนูทานเล่น "ไก่ทอดหอมเจียว น้ำจิ้มแจ่วสูตรแม่ (110 บาท)" ปีกไก่หมักเครื่องเทศจนเข้าเนื้อ ทอดมาร้อนๆ โรยด้วยหอมเจียว คล้ายกับไก่ทอดหาดใหญ่ จิ้มกับน้ำจิ้มแจ่วมะนาวสด"ข้าวหน้าหมูโค้ว (125 บาท)" เมนูพื้นบ้านของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ใช้สันคอหมูที่ติดมันนิดๆ ต้มในน้ำเดือนก่อนแล้วค่อยนำไปผัดกับกระเทียมสับ ปรุงรสแล้วผัดต่อจนเข้าเนื้อ ตักเสิร์ฟร้อนๆ แล้วโปะด้วยไข่เป็ดดาว"Banana Cake with Caramel Macadamia (250 บาท)" เค้กกล้วยหอม เพิ่มรสสัมผัสเวลาเคี้ยวด้วยแมคคาเดเมียและแครนเบอร์รีมาทานอาหารอร่อยๆ อันแสนอบอุ่นกันได้ที่ "ร้าน Happy Mum Happy Me" อยู่ที่ซอยนวมินทร์ 42 แยก 25-1-1 ร้านเปิดเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.30-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-7232-5287

  • จิฟุ้ง อาหารเวียดนาม

    "จิฟุ้ง อาหารเวียดนาม" ในย่านตลาดพลู เป็นร้านอาหารเวียดนามสไตล์ฟิวชั่นเวียดนามเหนือผสมผสานกับความเป็นไทย-อีสาน ซึ่งเอามาปรับรสชาติให้จัดจ้านถูกปากคนไทย โดยคัดสรรวัตถุดิบมาอย่างดี ใช้แต่ของสดใหม่ เส้นก๋วยจั๊บญวนกับหมูยอก็เลือกใช้ที่ทางครอบครัวผลิตเองที่ขอนแก่นมาขาย หมูยอเป็นหมูล้วน 100% ไม่ผสมแป้ง หอมพริกไทยและห่อด้วยใบตอง เวลานึ่งเลยทำให้มีกลิ่นหอมอีกด้วยมาร้านอาหารเวียดนามก็ต้องจัดเมนู "แหนมเนือง (ไซส์เล็ก 105 บาท, ไซส์กลาง 155 บาท, ไซส์ใหญ่ 255 บาท)" ใช้แหนมเนืองทำเอง เสิร์ฟกับผักเคียง ทั้งผักกาดหอม, โหระพา, ผักชีฝรั่ง และผักพรว ส่วนตัวน้ำจิ้มก็เป็นสูตรของครอบครัวคุณฟุ้งเจ้าของร้าน ใช้ตับหมูอย่างดีมาทำ รสชาติเค็มหวาน ใครชอบทานเผ็ดเปรี้ยวก็สามารถใส่พริกน้ำส้มเพิ่มได้"ก๋วยจั๊บญวน (60-70 บาท)" น้ำซุปที่ใช้เคี่ยวกับเล้งและขาไก่นานกว่า 4 ชั่วโมง จนน้ำซุปได้รสชาติที่กลมกล่อม ในชามจัดเครื่องมาแน่นๆ ทั้งเล้ง, หมูเด้ง, หมูยอ, และไข่ต้มอีกหนึ่งเมนูแนะนำที่ผสมผสานความเป็นเวียดนามกับอีสานเข้าด้วยกัน "ยำขนมจีน (75 บาท)" หมูยอไม่ผสมแป้ง 100% หั่นมาเป็นชิ้นพอดีคำ ใส่เนื้อปลาทู ผักสมุนไพรเพียบ รสชาิตจัดจ้าน"กุ้งพันอ้อย (100 บาท)" กุ้งที่ใช้ส่งตรงมาจากระนอง รับประกันความสดเด้งและยังปรุงรสมาอย่างดี ตีจนเนื้อเนียน เสิร์ฟมากับเส้นหมี่ลวกและน้ำจิ้มบ๊วยมาทานอาหารเวียดนามสไตล์ฟิวชั่นกันได้ที่ "ร้านจิฟุ้ง อาหารเวียดนาม" อยู่ถนนเทอดไท ใกล้กับธนาคารกรุงศรีฯ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 09.00-20.00 น. (หยุดทุกวันพุธ) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-6930-6117

  • ยุ้งข้าวหอม หรอยแรงกับอาหารใต้จากสมุย

    พาความหรอยของร้านดังแห่งเกาะสมุยมาอยู่ที่จุฬาฯ กับ "ร้านยุ้งข้าวหอม" ที่ยกทั้งสูตรลับและวัตถุดิบส่งตรงจาก "ร้านข้าวหอม" ร้านขวัญใจนักชิมที่ใครไปสมุยก็ต้องห้ามพลาด การันตีความอร่อยเหมือนไปกินที่สมุยด้วยรางวัลมิชลินเพลทถึง 3 ปีซ้อนจุดเริ่มต้นของ "ร้านยุ้งข้าวหอม" เกิดจากคุณบอลเจ้าของร้านได้ไปเที่ยวสมุยและได้ไปลองทาน "ร้านข้าวหอม" ซึ่งทุกครั้งที่ไปทานร้านนี้ก็จะไปเจอกับคุณป้าเจ้าของร้าน ได้พูดคุยจนเกิดความสนิทสนมจึงตกลงขอสูตรมาเปิดในกรุงเทพฯ"หมูกะปิ (180 บาท)" ใช้สันคอหมูคุโรบูตะผัดใส่กะปิ เสิร์ฟมาพร้อมกับพริกขี้หนูสวน หอมแดง และใบมะกรูด เวลาทานคลุกเคล้าทุกอย่างเข้าด้วยกัน และบีบมะนาวเสริมรสเข้าไป"ปูผัดพริกขี้หนูสวน (550 บาท)" กรรเชียงปูชิ้นใหญ่คัดพิเศษ ผัดมาแบบหอมพริกขี้หนูแถมใส่กระเทียมเม็ดใหญ่มาไว้ทานพร้อมเนื้อปูหวานๆ "แกงส้มปลาอินทรี (150 บาท)" เนื้อปลาอินทรีย์ชิ้นใหญ่สดๆ เนื้อเด้ง ต้มกับพริกแกงส้มส่งตรงจากครัวข้าวหอม และเพิ่มความฟินด้วยยอดมะพร้าวอ่อนอีกหนึ่งเมนูการันตีรางวัลมิชลิน "ต้มส้มปลาเค็มหมูสามชั้น (180 บาท)" ตามมาหรอยแรงกับอาหารใต้จากสมุยกันได้ที่ "ร้านยุ้งข้าวหอม" ในโครงการ แอมพาร์ค จุฬา ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-3465-6565

  • เสพเนื้อ ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นรสเด็ด

    "ร้านเสพเนื้อ" เกิดจากความรักในการทานเนื้อของเจ้าของร้านซึ่งเคยเรียนทำอาหารมา จึงลองคิดค้นสูตรก๋วยเตี๋ยวที่ชอบจนได้น้ำซุปสูตรของทางร้านโดยใช้วัตถุดิบหลักเป็นเนื้อวัวไทยอย่างดี และนอกจากก๋วยเตี๋ยวแล้วยังมีเมนูเด็ดอื่นๆ อีกด้วยเริ่มด้วยเมนูเด็ด "ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นหม้อไฟ (180 บาท)" เมนูที่รวมทุกเนื้อเข้าไว้ด้วยกันนอกจากเมนูเนื้อแล้วยังมีเมนูที่น่าสนใจอย่าง "เมี่ยงหมู (80 บาท)" ใช้คอหมูที่มีมันในสดส่วนที่พอดีทำให้หมูนุ่ม ย่างเตาถ่านด้วยไฟกลางๆ เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มแจ่ว"ข้าวหน้าหมูญี่ปุ่น (70 บาท/ ใส่ไข่ 80 บาท)" ใช้หมูสไลด์สันคอกับสามชั้นเพื่อให้ได้รสสัมผัสที่นุ่ม และราดด้วยน้ำพอนซึสูตรของทางร้านจะสายเนื้อหรือสายหมูก็ต้องมาโดนที่ "ร้านเสพเนื้อ" อยู่ ถ.โพธิ์แก้ว แขวงนวมินทร์ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-1661-4556

  • หัวปลาหม้อไฟ ส.วังใหม่ อาหารเหลาราคาสบายกระเป๋า

    "ร้านหัวปลาหม้อไฟ ส.วังใหม่" ตำนานความอร่อยกว่า 50 ปี กับอาหารเหลาสูตรโบราณที่ทำสดใหม่จานต่อจาน รับรองความอร่อยเหมือนเดิมแน่นอน"หัวปลาจีนต้มเผือก (หม้อใหญ่ 250 บาท)" ทางร้านใช้ปลาจีนหรือปลาซ่งฮื้อ ลงไปทอดในน้ำมันร้อนๆ จนเหลืองกรอบ แล้วใส่เผือกลงไปทอด พอใกล้สุกใส่ต้นหอมและเติมน้ำซุปลงไป"หัวปลาจีนต้มบ๊วย (หม้อเล็ก 170 บาท)" นำปลาจีนสดมาเรียงไว้ในหม้อหยวนโล้ ใส่น้ำซุป ใส่บ๊วยกับทิโป้วหรือปลาตาเดียวทอด เพื่อเพิ่มความหวานของน้ำซุป จากนั้นใส่ถ่านต้มจากในหม้อเลย รสชาติจะออกเปรี้ยวอมหวานนิดๆ"ทะเลผัดผงกะหรี่ (ราดข้าว 60 บาท)" "เนื้อปลาจีนนึ่งซีอิ๊ว" เนื้อปลาเด้ง หอมขิงซอยกับต้นหอม ซึ่งสามารถดับกลิ่นปลาได้เป็นอย่างดี "หมูสะเต๊ะ" ใช้หมูสันนอกหมักสูตรดั้งเดิมของครอบครัวมาทานอาหารเหลาราคาสบายกระเป๋ากันได้ที่ "ร้านหัวปลาหม้อไฟ ส.วังใหม่" อยู่ที่ ถ.เจริญนคร ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 16.00-23.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-5329-9124

  • เจริญแสงสีลม ขาหมูเจ้าดังย่านบางรัก

    ร้านตำนานย่านบางรัก การันตีมิชลินไกด์ 4 ปีซ้อนกับ "ร้านเจริญแสงสีลม" ทีเด็ดอยู่ที่น้ำขาหมูไร้มัน รสชาติเข้มข้นกลมกล่อม แถมมีครบทุกส่วนของขาหมู ตุ๋นมาจนเปื่อยนุ่มกำลังดี รับประกันว่าทานแล้วได้คอลลาเจนเน้นๆ แน่นอนร้านเจริญแสงสีลม ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 ตั้งอยู่ด้านข้างโรงพยาบาลเลิดสิน พอ พ.ศ. 2513 ก็ย้ายข้ามฝั่งมาเป็นฝั่งที่สร้างใหม่ซึ่งเมื่อก่อนเป็นคลองสีลม ก่อนจะเปลี่ยนชื่อมาเป็นขาหมูเจริญแสงสีลม เริ่มแรกสูตรขาหมูเป็นของคุณปู่ ก่อนคุณพ่อจะพัฒนาสูตรปรับมาเรื่อยๆ จนได้รสชาติในปัจจุบัน ขาหมูของที่ร้านเป็นสไตล์จีนแต้จิ๋วที่ประยุกต์ทั้งไทยและฝรั่ง รสชาติจะไม่หวานโดนและเค็มโดด ยิ่งทานคู่กับน้ำส้มที่มีทั้งกระเทียมสด พริกเขียว พริกแดง จะช่วยเสริมรสชาติกันมากยิ่งขึ้นขาหมูของที่ร้านจะรับมาโรงงานแล้วมาทำความสะอาดก่อนหนึ่งรอบ แล้วมาตัดเป็นส่วนๆ โดยทางร้านจะเลือกใช้เฉพาะขาหน้าและเครื่องในต่างๆ แล้วมาต้มเนื้อดิบที่เตรียมไว้ข้ามวันข้ามคืน หลังจากนั้นใส่เครื่องในต้มแช่น้ำหมูเอาไว้ให้ซึมเข้าไปในเนื้อ "ข้อคากิ (2 ชิ้น 60 บาท/ 4 ชิ้น 120 บาท)" หรือที่เรียกสั้นๆ ว่าข้อกิ เป็นส่วนที่อยู่ด้านบนคากิ เนื้อจะน้อย เน้นหนังและเอ็น"เนื้อหนัง (เริ่มต้น 50 บาท)" "เครื่องใน (เริ่มต้น 50 บาท)"ตามมาทานขาหมูอร่อยๆ กันได้ที่ "ร้านเจริญแสงสีลม" อยู่ถนนสีลม ซอยเจริญกรุง 49 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.30-13.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2234-8036

  • ก๋วยเตี๋ยวเรือสามแซ่บ สูตรโบราณจากอยุธยา

    "ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือสามแซ่บ" กับก๋วยเตี๋ยวเรือเผ็ดพ่นไฟที่น้ำซุปหอมเครื่องยาจีน สูตรโบราณจากอยุธยาที่ปรุงมาจัดจ้านเผ็ดซี๊ดถึงใจก๋วยเตี๋ยวเรือของที่ร้านเป็นสูตรโบราณจากอยุธยา ก๋วยเตี๋ยวเรือจะอร่อยต้องอยู่ที่พริก โดยทางร้านจะคั่วพริกเองทุกวันให้ได้ความเผ็ด หอม กินแล้วไม่ขมปากไม่ขมลิ้น เป็นความเผ็ดระดับพ่นไฟ น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวของทางร้านยังใช้เครื่องหอมยาจีนถึง 8 ชนิด เคี่ยวกับกระดูกหมูกว่า 2 ชั่วโมง และที่ขาดไม่ได้น้ำซุปสูตรของทางร้านจะใส่กะทิเพื่อเพิ่มความมัน หอม เข้มข้นอีกด้วย"หม้อไฟสามแซ่บ (139 บาท)" ก๋วยเตี๋ยวเรือในหม้อไฟไซส์ใหญ่ เลือกไส้ได้ 2 แบบ (เส้นเล็กและเส้นหมี่) จัดเต็มในหม้อไฟ มีทั้งหมูหมัก ตับแป้ง และลูกชิ้นหมู"ก๋วยเตี๋ยวเรือ (ธรรมดา 40 บาท/ พิเศษ 50 บาท)" "รวมลวกจิ้ม (85 บาท)" รวมมาทั้งสะโพกหมูหมัก ตับหมู ลูกชิ้น เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มพริกคั่วที่รสชาติเผ็ดร้อนไม่แพ้ก๋วยเตี๋ยวเลยทีเดียว"เส้นบะหมีน่เหลืองสามแซ่บแห้ง ((ธรรมดา 40 บาท/ พิเศษ 50 บาท)" "ยำกากหมูเจียงฮาย (35 บาท)" คือการเอาหมูทอดเจียงฮาย คลุกกับน้ำยำพริกคั่ว เป็นเมนูทานเล่นที่เพลินมากๆ มาแซ่บกับก๋วยเตี๋ยวเรือแบบนี้ได้ที่ "ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือสามแซ่บ" ศรีนครินทร์ 40 ซ.สุภาพงษ์ 3 แยก 6 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.30-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-1425-6545

  • ปากปลาร้า ส้มตำแซ่บนัวย่านรัชดา

    "ปากปลาร้า" ร้านส้มตำน้องใหม่ย่านรัชดา แค่ชื่อก็การันตีเลยว่าปลาร้านัวแน่นอน ที่สำคัญมีหลายเมนูไม่ได้หากินง่ายๆ สายอาหารอีสานเตรียมมาแซ่บกันได้เลยร้านปากปลาร้าทีเด็ดก็ต้องยกให้กับปลาร้าที่ปรุงเอง สะอาด ไม่เหม็น ไม่คาว ใช้ปลากระดี่ น้ำปลาอย่างดี ใส่สมุนไพรอย่างข่า ตะไคร้ เคล็บลับที่สุดคือใช้ใบน้อยหน่าดับกลิ่น ทำให้น้ำปลาร้าของร้านไม่เหมือนที่ไหน "อภิมหาตำปากปลาร้า (1,111 บาท)" เป็นชุดที่รวบรวมของอร่อยไว้ในถาดเดียว ทั้งส้มตำ, แกง, แซลมอน, ปลานิลทอด, หอยแครง, หอยแมลงภู่, หอยโข่ง และคอหมู่ย่าง ซึ่งส้มตำสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นตำไทย, ตำลาว หรือตำหลวงพระบาง ส่วนแกงก็สามารถเลือกได้ว่าจะเป็นแกงเห็ดหรือแกงหน่อไม้"ตำอะโวคาโด (79 บาท)" ตำมาแบบตำไทย หอมพริก หอมถั่ว"ตำซั่วทะเลไข่เยี่ยวม้า (129 บาท)" จัดเครื่องมาแน่นๆ ทั้งกุ้ง หมึก เป็นตำซั่วใส่ขนมจีน นัวปลาร้า เสิร์ฟมาพร้อมกับไข่เยี่ยวม้า"ตำด้องแด้ง กุ้งดิบ หอยแครง (79 บาท)" เมนูนี้ใส่ทั้งกะหล่ำ ผักกระเฉด ถั่วงอก เสิร์ฟมาพร้อมกุ้งดิบและหอยแครงลวกคออาหารอีสานแซ่บๆ ปลาร้านัวๆ ต้องมาชิมกันที่ "ร้านปากปลาร้า" ซ.รัชดาภิเษก 7 แยก 15 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 12.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-1659-6669

  • Secret Wonderland ร้านลับในดินแดนมหัศจรรย์

    เอาใจสาย Cafe Lover กับร้านลับใกล้ BTS พญาไท อย่าง "Secret Wonderland" เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าไปในร้านบรรยากาศก็เหมือนอยู่ใน Wonderland มีทั้งปราสาท มุมเก้าอี้เท่ๆ และมุมโคมไฟที่ Inspiration มาจากต้นไม้กลับหัวคอนเซ็ปต์ของทางร้านมาจากหนังเรื่อง 'Alice in Wonderland' เพราะว่าทางเข้าของร้านค่อนข้างลึกลับหายาก บรรยากาศภายในร้านจึงตกแต่งด้วยต้นไม้ใหญ่ ธารน้ำ น้ำตกจำลอง และหมอกควันจางๆ ให้ได้ฟีลคล้ายกับหลุดเข้ามาใน Wonderlandเมนูอาหารของที่นี่จะนำเสนอในรูปแบบของอาหารไทยฟิวชั่นได้ 'คุณแชน' ผู้เป็นทั้งเชฟและเจ้าของร้านที่จบด้านการทำอาหารจากกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เป็นคนคิดสูตรขึ้นมาเองทั้งหมดแถมหน้าตาก็ยังไม่ธรรมดาอีกด้วย"ข้าวผัดกะเพรา Maine ล็อบสเตอร์ (888 บาท)" ล็อสเตอร์ตัวใหญ่ๆ ส่งตรงจากรัฐเมน สหรัฐอเมริกา เนื้อจะมีความเด้ง หวาน ตัดกับความเผ็ดร้อนของกะเพราได้ดี"ข้าวหมูคุโรบุตะ ทรัฟเฟิลซอส (350 บาท)" หมูคุโรบุตะหมักนานกว่า 48 ชม. เสิร์ฟคู่กับไข่ออนเซ็นและราดด้วยทรัฟเฟิล ออยล์ ทำให้ได้กลิ่นหอมโชยขึ้นมาก"แกงส้มแห้งกุ้งแม่น้ำ สูตรคุณย่า (350 บาท)" มิติใหม่ของแกงส้มที่จะเคี่ยวจนน้ำแกงเป็นซอสเข้มข้น มีไข่ชะอมวางไว้ด้านล่าง ส่วนด้านบนท็อปด้วยกุ้งแม่น้ำตัวโตเนื้อแน่น"ราดหน้าเส้นกรอบหน้าแอตแลนติกแซลมอน (750 บาท)" เป็นราดหน้าสูตรพิเศษของทางร้านที่จะผสมเหล้าจีนลงไปตัวซอสราดหน้า"Butter Beer (120 บาท)" เครื่องดื่มเย็นๆ ทานแล้วให้ความรู้สึกสดชื่น"ดัทช์โกโก้ (175 บาท)" โกโก้เข้มข้น ที่มีความพิเศษคือสามารถสั่งปั้นฟองนมให้เป็นรูปสัตว์ต่างๆ บนแก้วได้ด้วยใครที่อยากจะเดินทางมาในดินแดนมหัศจรรย์แบบนี้ มากันได้ที่ "ร้าน Secret Wonderland" อยู่ในโรงแรม Bangkok Oasis Hotel ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 10.00-23.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-5595-5259

  • Baan Progressive Thai Cuisine

    อีกหนึ่งร้านที่ไม่อยากให้พลาดกับร้านอาหารไทยเล็กๆ ในบรรยากาศเหมือนกินข้าวบ้านเพื่อนกับ "ร้าน Baan Progressive Thai Cuisine" 'ร้าน Baan Progressive Thai Cuisine' กับคอนเซ็ปต์บ้านที่เกิดจากความหลงใหลในการทำอาหารของเจ้าของร้าน จึงมาเปิดเป็นร้านอาหารไทยเล็กๆ แล้วนำเสนออาหารแนวไทยประยุกต์ ผสมผสานกับรสชาติอาหารไทยแบบดั้งเดิมให้เข้ากับความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ภายในร้านถูกตกแต่งเป็นสไตล์วินเทจ ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนมาทานข้าวบ้านเพื่อนเริ่มด้วยเมนูซิกเนเจอร์ "ข้าวหมูกรอบคั่วพริกกระเทียม ไข่ดองน้ำปลา (179 บาท)" ทีเด็ดอยู่ที่น้ำราดพริกกระเทียมที่จะผัดพริกกระเทียมสับกับน้ำมันจนหอมแล้วปรุงรส ก็จะได้น้ำราดที่รสชาติกลมกล่อมไว้ราดลงบนข้าวหมูกรอบเพื่อเสริมรสชาติ"ข้าวผัดน้ำปลา ปลากะพงไร้ก้างทอด (264 บาท)" "ข้าวหมูกะปิคั่วพริกสด ไข่ดองน้ำปลา (109 บาท)" หมูสามชั้นราดบนข้าวดอกอัญชัน เมนูคาวที่นี่จะเสิร์ฟคู่กับไข่ดองน้ำปลาที่เป็นไฮไลท์ของร้าน"ข้าวเหนียวผัดกะเพราหมูกรอบ ไข่ดองน้ำปลา (209 บาท)" ตัวหมูกรอบจะถูก Sous Vide เพิ่มความนุ่ม ก่อนเสิร์ฟจะนำมาทอดอีกรอบเพื่อให้หนังกรอบฟู จานนี้รสชาติจัดจ้านและพอเสิร์ฟเป็นข้าวเหนียวจะได้ความันอร่อยไปอีกแบบปักหมุดอีกหนึ่งร้านที่ควรมากับ "ร้าน Baan Progressive Thai Cuisine" อยู่ ซ.พญานาค ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-3109-9909

  • ฐ Cafe & ร้านครูสายฐิพย์ - ข้าว ยำ ธรรม แกง

    "ฐ Cafe & ร้านครูสายฐิพย์ - ข้าว ยำ ธรรม แกง" คาเฟ่น้องใหม่มาแรงย่านลาดพร้าว เป็นคาเฟ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่เดียวกับ 'ร้านครูสายฐิพย์ - ข้าว ยำ ธรรม แกง'  ในบรรยากาศสุดร่มรื่น"ร้านครูสายฐิพย์ - ข้าว ยำ ธรรม แกง" เกิดจากความตั้งใจของ 3 พี่น้อง คุณโอม-คุณเอ็ม-คุณอูม อาหารของที่ร้านเป็นเมนูพื้นบ้านจากภาคใต้และภาคกลาง รสชาติจัดจ้านเพราะเจ้าของเป็นคนใต้ การตกแต่งร้านเป็นสไตล์ English Cottage Garden ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนได้มาทานข้าวต่างจังหวัด"แกงเผ็ดเป็ดย่างกับผลแอปเปิล (350 บาท)" เมนูโบราณที่ทางร้านใช้พริกแกงเผ็ดตำเอง"ไหลบัวผัดไข่เค็มกุ้งเสียบ (240 บาท)" กุ้งเสียบคัดส่งมาจากประมงพื้นบ้าน เกาะยาวน้อย จ.ภูเก็ต เอามาคั่วให้หอมกรอบ และผัดกับไหลบัวกรอบๆ"ปลากะพงทอดสวนสุวรรณ (490 บาท)" ปลากะพงทอดเหลืองกรอบทั้งตัว เสิร์ฟมาพร้อมซอส 3 สูตรเด็ด คือ ซอสลุยสวน, ซอสยำมะม่วงทวาย และซอสน้ำปลาหวาน"ต้มยำปลากะพงปรุงกะศิลป์ (280 บาท)" ต้มยำน้ำใสแบบโบราณที่ได้รับสูตรมาจากท่านผู้ดูแลเพจปรุงกะศิลป์ เมนูนี้จะได้ความเปรี้ยวจากมะม่วงซอย และมีความหอมของพริกเผา"ฐ.ฐาน (100 บาท)" เมนูซิกเนเจอร์ เป็นกาแฟลาเต้ผสมคาปูชิโน ใช้เมล็ดกาแฟที่ส่งมาจากเชียงราย"เปรมสุข (125 บาท)" ขนมปังสังขยาที่มาพร้อมเครื่องจิ้ม 3 รสชาติ สังขยาใบเตย, สังขยาชาไทย และสังขยาตาลโตนด ใช้น้ำตาลจาก จ.เพชรบุรี"Moka Pot Affogato (120 บาท)" เป็นไอศกรีมกะทิมะพร้าวอ่อน คนให้เข้ากันแล้วดื่ม หรือตักทานก็ได้"Macadamia Coffee Cake (120 บาท)" เค้กกาแฟ ท็อปด้วยซอสคาราเมล แมคคาเดเมียส่งตรงมาจากเชียงราย"ฐ Cafe & ร้านครูสายฐิพย์ - ข้าว ยำ ธรรม แกง" อยู่ซอยลาดพร้าว 71 เยื้องซอยนาคนิวาส 5 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-5246-8497

  • ธรรมชาติอีสาน Beach Cafe

    ยกทะเลสวยๆ มาไว้ที่ถนนตัดใหม่-ร่มเกล้า กับ "ร้านธรรมชาติอีสาน Beach Cafe" ร้านอาหารอีสานซีฟู้ดในบรรยากาศบีชคลับ เอาใจคนคิดถึงทะเลและต้องการความแซ่บในเวลาเดียวกันอาหารของที่ร้านมี 2 สไตล์ คือ 'อาหารอีสาน' ทีเด็ดอยู่ที่น้ำปลาร้าปรุงรสที่ร้านทำเอง และ 'เมนูซีฟู้ด' ที่เน้นความสดและส่งตรงมาจากแหล่งที่ดีที่สุดทั่วประเทศ"เจ้าทะเล (1,690 บาท)" ซีฟู้ดใหญ่จัดเต็ม มีทั้งกุ้งเผา, กั้งกระดาน, ปูม้า ส่งตรงมาจากกระบี่ และหอยหวานเผา ส่งตรงมาจากทะเลใต้สดๆ"หอยมะระซาชิมิ (350 บาท)" หอยมะระสดๆ มาจากพัทยา แล้วเอามาแร่เป็นซาชิมิ เนื้อหวานๆ หนึบๆ"กั้งทอดกระเทียม (290 บาท)" ใช้กั้งกระดานจาก จ.กระบี่ ตัวกั้งชิ้นใหญ่มาพร้อมกระเทียมเจียวกรอบๆ ฟินๆ"เกาเหลาทะเล (250 บาท)" ซีฟู้ดเน้นๆ ทั้งกุ้ง หมึก ปูม้า หอยแครง คลุกเคล้านัวๆ กับน้ำปลาร้าต้มสุกปรุงรสสูตรของทางร้าน"จิ้มจุ่มลาวหมู (180 บาท)/ จิ้มจุ่มลาวทะเล (250 บาท)" น้ำซุปหวานหอมสมุนไพร ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดมาเติมความแซ่บๆ ในบรรยากาศบีชคลับได้ที่ "ร้านธรรมชาติอีสาน Beach Cafe" อยู่ถนนศรีนครินทร์ - ร่มเกล้า ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-7195-2555

  • Rico Beach Cafe & Restaurant คาเฟ่ฮาวายริมหาดบางแสน

    "Rico Beach Cafe & Restaurant" คาเฟ่สไตล์ฮาวายที่กำลังมาแรงในบางแสน ตกแต่งด้วยไม้ไผ่เน้นใช้สีฟ้าขาวดูสบายตา มานั่งชมวิวทะเลชิลๆ บนบีนแบคหน้าร้านก็ได้ฟีลเหมือนอยู่ฮาวายที่นี่มีด้วยกัน 4 โซน คือ โซน Outdoor นั่งชมวิวทะเลสวยๆ, โซน Indoor ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ, โซนสวนหลังร้าน และโซนดาดฟ้า วิวพาโนรามาชื่อร้าน "Rico Beach Cafe & Restaurant" มาจากคำว่า 'Rico' มีความหมายที่ดีในหลายภาษา เช่น ภาษาสเปนจะแปลว่าอร่อย ภาษาอังกฤษจะมีรากศัพท์มาจากคำว่า Riches ที่แปลว่ารวย แต่หลักๆ จะอิงมาจากภาษาไทยซึ่งออกเสียงว่า 'ริโก้' ที่มาจากคำว่า 'โก้เก๋' ที่สื่อถึงตัวร้านกับสีสันที่สะดุดตา"สปาเกตตีริโก้ทาโกะยากิ (189 บาท)" เส้นสปาเกตตีคลุกเคล้ากับซอสทาโกะยากิและมายองเนส ผัดกับหมึกกล้วยเนื้อเด้ง ท็อปหน้าด้วยทาโกะยากิลูกใหญ่และไข่กุ้ง เป็นเมนูที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว"ปลากะพง Rico (219 บาท)" เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน ใช้ปลากะพงเนื้อแน่นย่างไฟอ่อนๆ ทีเด็ดอยู่ที่น้ำซุป เปรี้ยว หวาน เค็ม ครบรส"ข้าวผัดพริกขิงหอยลายไข่ดาวออนเซ็น (159 บาท)" เน้นรสชาติจัดจ้านของเครื่องแกง ท็อปด้วยไข่ออนเซ็นที่เอามาทอดเป็นไข่ดาวอีกที เพื่อเพิ่มความมันนัวให้กับจานนี้"ข้าวผัดสมุนไพร ซี่โครงหมู Rico BBQ (159 บาท)" ตัวซี่โครงหมูเสิร์ฟพร้อมข้าวผัดสมุนไพร หอมซอส BBQ "เค้กเผือก (135 บาท)""มูสครีมชีสโยเกิร์ตเค้ก (135 บาท)" เค้กสีฟ้าพาสเทลน่ารัก ตัวโยเกิร์ตชีสเนื้อเนียนละมุน รสชาติหวานหอมเปรี้ยวมานั่งชิลฟินกับอาหารอร่อยๆ กันได้ที่ "Rico Beach Cafe & Restaurant" อยู่บางแสนล่างซอย 8 เลียบหาดวอนนภา ร้านเปิดทุกวัน จันทร์-ศุกร์ 10.00-23.00 น./เสาร์-อาทิตย์ 07.00-23.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-4287-5664

  • Woowon สรรหาบาร์ วอนนภาบีช

    มานั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกดินริมทะเลบางแสนที่ "ร้าน Woowon สรรหาบาร์ วอนนภาบีช" ร้านลับสไตล์บาหลีที่เสิร์ฟความสดอร่อยส่งตรงจากท้องทะเล มีทั้งซีฟู้ดไทยและญี่ปุ่นให้เลือก รับประกันความสดเพราะรับมาจากชาวประมงแบบวันต่อวันเลย"ปลาไทยประจำวันซาชิมิ (140 บาท)" เมนูพิเศษที่ต้องลุ้นว่าวัตถุดิบที่จับได้ในแต่ละวันจะเป็นอะไร ซึ่งจะมีทั้งปลาสละ ปลากะพงแดง ปลาตะคองเหลือง และปลาเต๋าเต้ย เนื้อปลาไทยแน่น สด หวาน จิ้มวาซาบิและโชยุเพื่อเพิ่มรสชาติ"Hamachi Capacio (350 บาท)" ปลาฮามาจิสดๆ ส่งตรงจากญี่ปุ่น แล่บางๆ ทานกับซอสคาร์ปาชิโอ รสชาติเปรี้ยวเค็มกำลังดี เพิ่มความหอมอีกขั้นด้วยซอสทรัฟเฟิล"Hokkaido Hotate Yaki (180 บาท)" หอยเชลล์จากเมืองฮอกไกโด ย่างเนยบนเตาถ่าน "ข้าวหน้าวูวอน (390 บาท)" ข้าวด้งอัดแน่นไปด้วยซีฟู้ดสดๆ กุ้งหวาน มันปู เนื้อปูซูไว ไข่กุ้ง ปลาแซลมอน ไข่ปลาแซลมอน และหอยเชลล์"หมึกเป็นแห่งวูวอน (450 บาท)" หมึกหอมสด เนื้อใส กรอบ เด้ง จิ้มกับวาซาบิและโชยุมานั่งฟังเสียงคลื่นทานซีฟู้ดสดๆ กันได้ที่ "Woowon สรรหาบาร์ วอนนภาบีช" อยู่ซอยแจ่มจันทร์ ริมหาดวอนนภา ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 16.00-24.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-9544-4787

  • Tichuca Rooftop Bar บาร์ลับน้องใหม่วิว 360 องศา

    "Tichuca Rooftop Bar" Rooftop Bar สุดฮอตบนอาคาร T-One ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าคอนกรีตบนถนนทองหล่อ จึงสร้างที่นี่ขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการพื้นที่สีเขียวของชาวกรุง และเป็นตัวแทนของพื้นที่ให้ทุกคนได้แสดงความเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่กับแนวคิด 'Authenticity' หรือความเป็นจริงร้านจะตกแต่งด้วยเก้าอี้ ต้นไม้ และโต๊ะ เพื่อแสดงถึงเนื้อแท้ของวัตถุนั้นๆ ใช้ระยะเวลาก่อสร้างภายใน 28 วัน มีต้นไม้ใหญ่สูง 6 เมตร ตั้งอยู่หลังบาร์กลางร้านที่สร้างด้วยไม้ไผ่ จุดถ่ายรูปสุดฮิตที่สามารถปรับเปลี่ยนสีได้ตามเสียงเพลง เป็นเหมือนท่อนไม้เปลี่ยนสีได้ ทำให้การมาป่า Tichuca แต่ละครั้งได้บรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป"Rhubarb (250 บาท)" เมนูนี้ได้แรงบันดาลใจจากการที่อยากเห็นคนดื่ม Mocktails ได้ดื่ม Gin and Tonic จึงทำเป็นแบบ Non Alcohol Gin ขึ้นมา และรูบาร์บเพื่อเพิ่มสีและกลิ่นให้น่าดื่มมากยิ่งขึ้น"The Tiki Base (250 บาท)" เอา Tiki Baade Falernum ที่เป็นหัวใจของ Tiki Cocktails มานำเสนอใหม่ให้คนที่ดื่มแบบ Mocktails รู้จักมากขึ้น รสชาติจะเปรี้ยว หวาน แล้วก็ซ่า"Coco Spritzer (380 บาท)" เครื่องดื่มนี้ทำมาจากน้ำมะพร้าว น้ำมะนาวสด ขิง และขนุน ดื่มแล้วรู้สึกได้ถึงทะเล หาดทราย และท้องฟ้าสีคราม"Yuzu Colada (280 บาท)" เป็นน้ำสับปะรดผสมส้มยูสุ ให้มีกลิ่นอายคลาสสิกและสดชื่นมานั่งชมวิวสวยๆ จิบเครื่องดื่มสดชื่นๆ ได้ที่ "Tichuca Rooftop Bar" อยู่บนชั้น 46 อาคาร T-One ถ.สุขุมวิท ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 16.00-23.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-5878-5562

  • Tsai Eatery คาเฟ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

    "Tsai Eatery" คาเฟ่น้องใหม่สไตล์วินเทจคลาสสิคติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีทั้งโซนห้องกระจกวินเทจ และโซน Outdoor ที่เห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาทุกโต๊ะ เลือกนั่งริมน้ำรับลมเย็นๆ กันได้เลย ยิ่งตอนเย็นเปิดไฟแสงสวยๆ ยิ่งโรแมนติกมากอาหารของที่ร้านจะเป็นแบบผสมผสาน มีทั้งอาหารไทยดั้งเดิมที่มีกลิ่นอายของเครื่องเทศ อาหารจีน และยุโรป เป็นแบบโฮมเมดทานง่าย"สลัดปูนิ่ม" เสิร์ฟมาพร้อมน้ำสลัดสูตรพิเศษของทางร้านที่รสชาติเข้มข้น"ไก่นอกหม้อ และแป้งนาน" เป็นเมนูโบราณตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เนื้อไก่เคี่ยวกับพริกแกงและน้ำกะทิ รสชาติเข้มข้น"ผัดไทยไข่เค็มไชยา (กุ้งแม่น้ำ)" สูตรของทางร้านจะใส่ไข่เค็มบดละเอียดลงไปผัดกับเส้นให้ได้รสชาติที่หอมมัน เสิร์ฟมากับกุ้งแม่น้ำทอดตัวใหญ่เนื้อแน่น"ผัดฉ่าไก่ ไข่ลาวา" ผัดรสชาติจัดจ้าน หอมเครื่องสมุนไพร แล้วยังออนท็อปด้วยไข่ลาวาเพื่อเพิ่มรสชาติ"Croissant Sakura" "Coconut Coffee""B-Yellow C+" น้ำสับปะรดปั่นกับเสาวรส ทานแล้วให้ความรู้สึกสดชื่น"Bisque Cheese Cake" มาตามรอยร้านอร่อยๆ วิวดีๆ กันได้ที่ "Tsai Eatery" อยู่ที่ ซ.สมเด็จเจ้าพระยา 3 คลองสาน วันจันทร์-พฤหัส ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. และวันศุกร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-7178-1378

  • Goose Cafe BKK ร้าน Asian Twisted ย่านสุขุมวิท

    อีกหนึ่งร้านมาแรงที่เข้ามาในซอยปรีดีพนมยงค์ 1 ก็จะเจอกับ "ร้าน Goose Cafe BKK" คาเฟ่เก๋ๆ ที่เสิร์ฟความอร่อยในสไตล์ Asian Twisted ที่สำคัญมีห้อง Private ซึ่งตอบโจทย์สำหรับยุคนี้มากๆร้านจะตกแต่งโทนสีเขียว-เทา ดูเรียบเท่แบบ Modern Luxury ผสมโฮมมี่นิดๆ นอกจากนี้ทางร้านยังเสิร์ฟอาหารสไตล์ Asian Twisted ที่ผสมผสานความเป็นไทยและเอเชียนในทุกจานได้อย่างลงตัวทางร้านจะมีทั้งหมด 2 ชั้น แบ่งออกเป็นโซนคาเฟ่และชั้นบนเป็น Boutique Hotel ซึ่งไฮไลต์ของทางร้านคือมีห้อง Private Dining ห้องรับประทานอาหารส่วนตัวภายใต้คอนเซ็ปต์ 'ปลอดภัย ไร้กังวล' มีทั้งแบบ 4 ที่นั่ง และ 6 ที่นั่งให้เลือก"Slow Cooked Braised Pork Green Curry & Roti (270 บาท)" เมนูแนะนำของทางร้านที่ใช้วิธีการนำเสนอแบบ Deconstructed "Tom Kha Barley Risotto & Roasted Seabass Fillet and Mushrooms (390 บาท)" เป็นเมนูที่มีการผสมผสานระหว่างไทย-อิตาเลียน ตัวข้าวบาร์เลย์ให้สัมผัสเคี้ยวหนึบหนับกับซอสต้มข่าเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมปลากะพงและเห็ดย่าง ก่อนทานต้องบีบมะนาวเพื่อเพิ่มรสชาติ"Scallops Alla Vodka Pasta (370 บาท)" เมนูที่ผสมผสานความเป็นอเมริกันเข้ากับพริกแห้งคั่วของไทย ตัวซอสมีความครีมมี่ รสชาติเผ็ดร้อน เมนูใช้วอดก้าเป็นส่วนประกอบหลักซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งเพราะพอไฟลุก อาหารขางในจะมีความกลมกล่อมขึ้น"Beer Battered Seabass & Toast with Unripe Mango Salad (290 บาท)"มาทานอาหารอร่อยๆ ในไสตล์ Asian Twisted ได้ที่ "ร้าน Goose Cafe BKK" อยู่บนถนนสุขุมวิท 71 เข้าซอยปรีดีพนมยงค์ 1 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-4872-4343 

  • Lacol Khaoyai ดินเนอร์โดมแก้วสุดโรแมนติกที่เขาใหญ่

    "Lacol Khaoyai" กับโดมแก้วสุดโรแมนติกที่ไม่ว่ามุมไหนก็ถ่ายรูปสวยสุดๆ แถมยังเป็น Private และมองเห็นวิวภูเขาล้อมรอบแบบ 360 องศาอีกด้วย ยิ่งช่วงเย็นๆ พระอาทิตย์ตกดินบรรยากาศจะดีสุดๆร้านจะตกแต่งสไตล์ European มีโดมใสทรงกลมที่ได้ไอเดียมาจากร้านอาหารที่ลอนดอน แล้วประดับไปด้วยดอกไม้ทำให้รู้สึกถึงความเป็นเขาใหญ่มากยิ่งขึ้นทางร้านจะเสิร์ฟอาหารทั้งสไตล์ยุโรป อังกฤษ ฝรั่งเศส และอเมริกัน โดยคัดเลือกวัตถุดิบอย่างดี จะไม่ปรุงแต่งเยอะ เน้นการดึงรสชาติจากวัตถุดิบเป็นหลักเริ่มด้วยเมนูสตาร์ทเตอร์อย่าง "Sour Cream Fish Finger (300 บาท)" ปลากะพงชุบแป้งทอด เนื้อข้างในนุ่มฉ่ำ เสิร์ฟมาพร้อมซอสดิปหอมเจียว"Traditional French Onion Soup (300 บาท)" ซุปสไตล์ฝรั่งเศสเสิร์ฟมากับแป้งพายอบและเบคอนมาที่เมนคอร์สและเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของที่นี่ "Laco Lamb Rack (1,200 บาท)" ซี่โครงแกะหมักสมุนไพรฝรั่งเศส เสิร์ฟมาพร้อมกับมันฝรั่งผัดเนย ซอสฟักทอง และซอสไวน์แดงที่ตุ๋นกับซี่โครงแกะ"Spaghetti Tomato Shrimp Fat with Grilled Prawn (590 บาท)" สปาเกตตีเส้นคลุกเคล้ากับมันกุ้งและซอสมะเขือเทศ เสิร์ฟมากับกุ้งแม่น้ำจากสุพรรณบุรี เนื้อแน่นหวาน เผามาแบบหอมๆ เลย"Dinner Tea" เซตน้ำชายามดึก ชาดอกไม้ที่ไม่มีส่วนผสมของคาเฟอีน ช่วยให้นอนหลับสบาย เสิร์ฟพร้อมของทานเล่นเป็นอีกหนึ่งโลเคชั่นที่มาเขาใหญ่แล้วต้องห้ามพลาดที่ "Lacol Khaoyai" อยู่ในโรงแรม Lacol Khaoyai บนถนนธนะรัชต์ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.00-19.30 น. และ 20.00-22.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-3218-5505

  • Rosebay Home Cooking Cafe

    "Rosebay Home Cooking Cafe" คาเฟ่เขาใหญ่ที่ใกล้ชิดธรรมชาติ มีสวนดอกไม้น่ารักๆ กับแปลงผักที่ทางร้านปลูกเอาไว้ใช้สำหรับทำอาหารด้วย ตัวร้านเป็นบ้านไม้สไตล์โรงนาสีขาวหลังเล็กๆ ให้ความรู้สึกโฮมมี่นิดๆ มินิมอลหน่อยๆที่มาของชื่อร้าน 'Rosebay' นั้นมาจากชื่อเมืองในออสเตรเลีย ที่เป็นจุดเริ่มต้นให้เจ้าของร้านได้ไปเรียนรู้การทำอาหารที่นั่น และนามสกุลเก่าของเจ้าของร้านคือคำว่า 'กุหลาบ' ซึ่งคล้องจองกับคำว่า 'Rosebay' อีกด้วย นอกจากทางร้านจะตั้งใจทำร้านเป็นคาเฟ่แล้วก็ยังมีอาหารคาวให้เลือกทานกันได้ โดยตั้งใจทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนได้ทานอาหารที่แม่ทำให้ เลยทำเป็นครัวเปิดให้ได้ใกล้ชิดกับลูกค้า และให้ความรู้สึกแบบ Home Cooking Cafe ซึ่งเน้นเป็นอาหารจานเดียวที่ทุกคนคุ้นชินกันอยู่แล้ว เป็นเมนูทานง่ายทานได้ทุกวัน"ข้าวผัดกะเพราคลุกหมูสับกากหมูไข่ดาว (150 บาท)" เมนูนี้รสชาติจัดจ้านตามสไตล์ผัดกระเพราแบบไทยๆ เพิ่มความพิเศษด้วยกากหมูที่ทางร้านเจียวใหม่เองทุกวัน ใช้เป็นหนังหมูส่วนที่ติดมันนิดหน่อย ทำให้กากหมูไม่แห้งไปและไม่มันไป"ข้าวผัดกะเพราปูไข่ดาว (290 บาท)" ใส่ปูก้อนชิ้นใหญ่มาให้เน้นๆ แล้วโปะหน้าด้วยไข่ดาวกรอบๆ ไข่แดงเยิ้มๆ"ข้าวผัดปู (290 บาท)" ปูก้อนชิ้นโตผัดมากับข้าวแบบร่วนๆ ทั้งหอมและสีเหลืองสวย เพราะทางร้านใส่ผงกะหรี่ลงไปด้วย"ข้าวผัดกุนเชียง (129 บาท)" เมนูนี้ใช้กุนเชียง ของขึ้นชื่อของอำเภอปากช่อง เนื้อแน่น ไม้มันมากตามมาสัมผัสลมหนาวกลางหุบเขากับอาหารอร่อยๆ ได้ที่ "ร้าน Rosebay Home Cooking Cafe" อยู่ถนนธนะรัชต์ กม.ที่ 4 ซอยตรงข้ามโรงเรียนบ้านนา ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. (หยุดทุกวันอังคาร) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-4361-4569

  • ห้องอาหารเลอ นอร์มังดี บาย อลัง รูซ์

    มาดินเนอร์ในห้องอาหารฝรั่งเศสสุดหรูมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาที่ "ห้องอาหารเลอ นอร์มังดี บาย อลัง รูซ์" ซึ่งเชฟอลัง รูซ์ เชฟดังระดับโลกได้ให้เกียรติมาเป็นเชฟบริหารจัดการที่ห้องอาหารแห่งนี้ ซึ่งเชฟอลัง รูซ์ เป็นทั้งเชฟและเจ้าของห้องอาหาร The Waterside Inn ที่ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ถึง 3 ดาว ยาวนานกว่า 37 ปี และยังแต่งตั้งเชฟฟิล ฮิคแมน มาเป็นหัวหน้าพ่อครัวประจำห้องอาหารเลอ นอร์มังดี บาย อลัง รูซ์ อีกด้วยที่ห้องอาหารแห่งนี้จะเสิร์ฟอาหารแบบ Tasting Menu ซึ่งจะนำเสนออาหารฝรั่งเศสแบบคลาสสิค ประกอบด้วยอาหารเรียกน้ำย่อย อาหารจานหลัก และของหวาน โดยมื้อกลางวัน มีทั้งหมด 5 คอร์ส ราคา 18,000 บาท และมื้อค่ำ มีทั้งหมด 6 คอร์ส ราคา 25,000 บาทเริ่มจานแรกด้วย "หอยเชลล์จากฝรั่งเศส เสิร์ฟพร้อมเห็ดนางรมหลวงราดด้วยซอสพิเศษ" เป็นการนำน้ำซุปไก่เข้มข้นมาเคี่ยวกับน้ำซุปกระดูกปลาและน้ำส้มสายชูหมักจากองุ่นพันธุ์กาแบร์เน โซวีญง ซึ่งเป็นองุ่นที่ได้รับความนิยมในการทำไวน์แดง"ปลาเทอร์บอตย่างเนยเสิร์ฟคู่กับองุ่นและอัลมอนด์" ปลาเทอร์บอตเป็นปลาที่ได้รับความนิยมในยุโรป ย่างกับเนยแล้วเสิร์ฟมาคู่กับองุ่นและอัลมอนด์ เนื้อปลามีรสชาติหวาน เนื้อนุ่ม"ซูเฟลราสป์เบอร์รี่" ขนมหวานสุดคลาสสคของชาวฝรั่งเศสที่นิยมทานในมื้อพิเศษมาดินเนอร์ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยากันได้ที่ "ห้องอาหารเลอ นอร์มังดี บาย อลัง รูซ์" อยู่บนชั้น 5 โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ห้องอาหารเปิดตั้งแต่เวลา 12.00-14.30 น. และ 19.00-22.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2659-9000

Follow us on INSTAGRAM